เมื่อเที่ยงคืนของคืนวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา
Apple จัดงานแถลงข่าวงาน
Spring Forword ซึ่งเป็นงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple งานแรกในรอบปี 2015 โดยไฮไลท์สำคัญมีดังนี้
Apple TV ได้จับมือกับ
HBO เปิดตัวบริการดูหนัง-ซีรีส์
HBO NOW บน Apple TV ในสหรัฐอเมริกาค่าบริการ 14.99 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยสามารถทดลองชมฟรี ในเดือนแรก และเผยภาพยนตร์ตัวอย่างเรื่อง
Game of Thrones, Season 5 ซึ่งจะออนแอร์ทาง HBO NOW ในวันที่ 12 เมษายน ทาง HBO และ HBO NOW บน Apple TV , iPhone และ Apple TV
จากนั้น
Tim Cook ประกาศลดราคา Apple TV จาก $99 เหลือ $69 ( ในไทยลดจาก 4,500 บาท เหลือ 3,300 บาท) ซึ่งเป็นราคาที่จะทำให้มีคนซื้อ Apple TV มาเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
ต่อมา Apple เปิดตัว ชื่อ
ResearchKit ซึ่ง
เป็นแพลตฟอร์ม API ทางการแพทย์
ซึ่งช่วยเก็บข้อมูลวิจัยเพื่อพัฒนาข้อมูลทางการแพทย์ให้ดีมากยิ่งขึ้น
รองรับหาข้อมูลอาการของโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนตัวบน Researctkit นั้น Apple
สัญญาว่าจะไม่ยุ่งมาแอบดูข้อมูลผู้ใช้
หรือใช้ข้อมูลมาเผยแพร่ในหน่วยงานอื่นเป็นอันขาด
ทั้งนี้ Apple ประกาศให้ ReseachKit เป็น Opensource ด้วย
เริ่มให้ใช้งานได้ในเดือนเมษายนนี้ ส่วน 5 แอพ จาก ResearchKit
เปิดให้โหลดใช้งานได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
จากนั้น Apple เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูล Mac แต่คราวนี้เป็นสิ่งที่เซอร์ไพรส์ในงานนี้ เพราะเป็นการเปิดตัว
Macbook โฉมใหม่ ที่
ออกแบบใหม่หมดจดตั้งแต่ตัวเครื่อง บาง13.3 มม. ซึ่งบางลงกว่า MacBook Air
11นิ้ว ถึง 24% หนักเพียง 900 กรัมเท่านั้น ที่สำคัญเป็น Macbook
รุ่นแรกที่เป็นสีทองด้วย
ไม่เว้นแม้กระทั่ง
คีย์บอร์ดของ Macbook โฉมใหม่ มีการออกแบบอย่างพิถีพิถันด้วย
การออกแบบแป้นคีย์บอร์ดด้วยกลไกแบบปีกผีเสื้อ ซึ่ง
ช่วยลดอาการโยกเยกของปุ่ม
ทั้งนี้ปีกผีเสื้อที่มีความกว้างกว่ากลไกแบบกรรไกรและประกอบรวมอยู่ในชุด
เดียวกัน ทำมาจากวัสดุที่แข็งกว่า
ทำให้ปุ่มมีความมั่นคงยิ่งขึ้นและตอบสนองได้ดีกว่าเดิม
รวมถึงใช้พื้นที่ในแนวตั้งน้อยลงด้วย
ในส่วนทัชแพดก็ถูกออกแบบใหม่ เรียกว่า
Force Touch trackpad มีเซนเซอร์ถึง 4จุด คอยตรวจจับว่าคุณกดแรงแค่ไหน และเมื่อไหร่ที่คุณกดตรงไหนก็ตามบนพื้นผิวแทร็คแพด
Taptic Engine
ใหม่ก็จะตอบสนองต่อการคลิกด้วยการรับรู้ที่คุณรู้สึกได้
หรือแม้แต่การคลิกที่เคยเป็นแค่ฟังก์ชั่นของกลไกธรรมดาๆ
ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอีกหลายสิ่งที่คุณจะสามารถทำได้ผ่าน Force Touch
ทั้งนี้ก็เพราะความสามารถในการตรวจจับของแทร็คแพด Force Touch นั้น
จะทำให้คุณสื่อสารกับ MacBook
ได้ว่าคุณอยากให้ทำอะไรตามแรงกดที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยนั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น
แทร็คแพดก็ยังสื่อสารกับคุณด้วยการตอบสนองแบบสัมผัสที่คุณจะรู้สึกได้จริงๆ
อีกด้วย
ส่วนสเปคคร่าวๆนั้น
หน้า
จอ Macbook ขนาด 12″ Retina ความละเอียด 2304 x 1440 ใช้ซีพียู Intel Core M
ความถี่สูงสุด 1.3GHz (Turbo Boost 2.9GHz) กินไฟต่ำแค่ 5 วัต
ไม่ต้องใช้พัดลมระบายความร้อน ตัวบอร์ดบน Macbook โฉมใหม่มีขนาดเล็กลงถึง
67%
และมีช่องเสียบพอร์ตคอม Mac แบบใหม่ เรียกว่า
USB-C ซึ่งพอร์ตนี้ สามารถใช้ในการการชาร์ตไฟ , โอนข้อมูล USB, DisplayPort, HDMI, VGA ได้ในพอร์ตเดียวด้วย
Macbook
โฉมใหม่นี้ ราคาเริ่มต้นที่ 43,900 บาท สำหรับ 256GB และ 54,900 บาท
สำหรับ 512GB เริ่มขายในต่างประเทศ 10 เมษายน ส่วนไทยรอเร็วๆนี้
แต่ราคาที่เผยเป็นราคาที่ขายในไทยแล้ว
นอกจาก Macbook โฉมใหม่แล้วยังมี
MacBook Air รุ่นใหม่ ที่
อัพสเปคไปใช้ซีพียู Core i รหัส Broadwell +GPU Intel HD 6000
พร้อมพอร์ตที่เปลี่ยนมาเป็น Thunderbolt 2 ใช้หน่วยความจำ SSD
ที่เร็วขึ้นเท่าตัว
ขณะที่
MacBook Pro Retina 13 รุ่นใหม่ อัพสเปคเช่นเดียวกันกับ MacBook Air Touchpad แล้ว ก็เปลี่ยน Touch Pad เดิม มาใช้เป็น Force Touch แบบเดียวกับ MacBook โฉมใหม่ด้วย
โดย Mac ทั้ง 2 รุ่นอย่าง Macbook Air , และ Macbook Pro ใหม่นั้น เริ่มขายวันนี้ พร้อมเผยราคาขายในไทยทางเว็บไซต์แล้วด้วย
ในส่วนนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกจาก Apple อย่าง
Apple Watch นั้น ได้สรุปวันจำหน่ายแล้ว โดยเริ่มเปิดจอง 10 เมษายนนี้ เริ่มขายจริง 24 เมษายนนี้
ซึ่งราคา Apple Watch แบ่งเป็น 3 Collections ด้วยกัน คือ
- Apple Watch Sport $349 เหรียญ สำหรับขนาด 38 มม. และ $399 สำหรับขนาด 42 มม.
- Apple Watch เรือนสเตนเลส ราคา $549 – $1,049 38mm และ $599 – $1,099 สำหรับ 42mm
- Apple Watch Edition รุ่นสุดหรู ทำจากทอง 18 กะรัต ราคาเริ่มต้นที่ $10,000 เหรียญขึ้นไป
โดย Apple Watch จะเริ่มขายที่ สหรัฐ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี จีน ญี่ปุ่น และฮ่องกง
ที่น่าสนใจคือ
Apple Watch นี้มาพร้อมความสามารถหลากหลายและแปลกใหม่ เช่น
ใช้นาฬิกาในการสแกนชำระเงินผ่านทาง Apple Pay ได้เลย ,
สามารถใช้เป็นคีย์การ์ดที่พักโรงแรมได้ ,
สามารถอ่าน Feed รูป Instagram ได้ และที่สำคัญ
ใช้เรียกแท็กซี่ uber ,
ใช้ควบคุมบ้านอัจฉริยะ รองรับการดูกล้องวงจรปิดผ่านทางนาฬิกา Apple Watch ด้วย แต่ทั้งนี้แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 18 ชั่วโมง ซึ่งเท่ากับว่าต้องชาร์จแบตให้นาฬิกา Apple Watch แทบทุกวัน
หลังจากที่ได้ชมงานแถลงข่าว Apple แล้ว จะเห็นได้ว่า Apple
พยายามออกแบบแพลตฟอร์มสำหรับสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะบุคลากรแพทย์
ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ iPhone อยู่แล้วก็มาใช้แพลตฟอร์ม Researchkit
นี้ในการค้นหาวิจัยได้ และได้เห็นนวัตกรรมการออกแบบ Macbook
ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันมากขึ้น ส่วน Apple Watch
ไม่ว้าวเหมือนก่อนเพราะเผยโฉมแล้วในงาน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แล้ว
แต่ซอฟต์แวร์ภายใน Apple Watch ก็มีลูกเล่นใหม่ที่น่าสนใจและแตกต่างจาก
Androidwear ซึ่งนาฬิกาอัจฉริยะเรือนแรกจาก Apple
จะฮิตหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับยอดขายที่จะเริ่มขายจริง 24 เมษายนนี้
ข้อมูลและภาพจาก Apple