เพ็ชรชุมพวงคอมพิวเตอร์

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ข่าวสารนะครับ !! ร่วมกิจกรรมรับของรางวัลมากมาย อ่านรายละเอียดด้านในครับ แบบว่าอยากแจกอะครับ ^^(กิจกรรมเดิมขยายเวลา ถึง 30 กันยา 58 นะครับ (ของรางวัลอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่มูลค่าราคาเท่าเดิมครับ)

Posted by เพ็ชรชุมพวงคอมพิวเตอร์ on 5 กรกฎาคม 2015

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Power Bank คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร








Power Bank เป็นอุปกรณ์ช่วยชาร์จมือถือ แท็บเล็ต เครื่องเล่น mp3 หรืออุปกรณ์อีเล็คทรอนิคที่ใช้แบตเตอรี่ ซึ่งไม่ใช่เครื่องที่ใช้ไฟมากนัก เพื่อชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ กรณีออกทำงานนอกสถานที่ ท่องเที่ยว หรือไปยังสถานที่ที่ไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรี่ ก็สามารถชาร์จมือถือ แท็บเล็ต ผ่าน Power Bank ได

ปัจจุบันนิยมใช้งานมือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตกันมาก และเน้นการใช้แอพหรือบริการต่างๆ ที่เชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต จึงทำให้อุปกรณ์พกพาเหล่านี้ใช้พลังงานมากขึ้น แบตเตอรี่หมดเร็ว Power Bank จึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Power Bank รูปร่างหน้าตาแบบต่างๆ

สำหรับ Power Bank จะมีรูปร่างหน้าตาตามแต่การออกแบบ ทั้งแบบแท่ง ทรงกลม สี่เหลี่ยม สีสัน หน้าตา ให้เลือกซื้อเลือกใช้ตามต้องการ


Power Bank ขนาดต่างๆ

อุปกรณ์ช่วยชาร์จแบตเตอรี่หรือ Power Bank จะมีหลายขนาดความจุของเซลล์เก็บข้อมูลให้เลือกใช้ โดยมีหน่วยเป็น mAh หรือมิลลิแอมแปร์ต่อชั่วโมง ตัวอย่างขนาดความจุแบบต่างๆ เช่น

จะเลือกซื้อขนาดความจุเท่าไร

ต้องดูอุปกรณ์ของเรา มือถือ แท็บเล็ต ว่ามีความจุแบตเตอรี่เท่าไหร่ เช่น ใช้ iPhone 5s ความจุแบตเตอรี่ 1560 mAh จะต้องเลือก Power Bank ที่มีความจุมากกว่าแบตเตอรี่ของ iPhone 5s ประมาณ 2-3 เท่าขึ้นไป หรือ 1560 x 3 = 4680 mAh ขึ้นไป เพื่อให้ชาร์จได้ 2-3 รอบ
ตัวอย่างความจุที่เหมาะสมเช่น 5200 mAh ทำไมต้องเลือกมากขนาดนี้ เพราะตัว Power Bank ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ จะสามารถจ่ายไฟได้เพียง 65-70% ของความจุจริงเท่านั้น
การเลือก Power Bank ความจุ 5200 mAh จึงใช้งานได้จริงเพียง 5200 x 65% = 3380 mAh หากเอาไว้ชาร์จ iPhone 5s ความจุ 1560 mAh ก็จะชาร์จได้ประมาณ 3380 หาร 1560 = 2.1 ครั้งเท่านั้น หรือ ชาร์จ iPhone 5s จนแบตเตอรี่เต็ม 100% ได้ 2 ครั้ง ส่วนครั้งที่ 3 ชาร์จได้ประมาณ 10% กว่าๆ เท่านั้นเอง
Power Bank ยี่ห้อแบรนด์เนมและราคาถูกจากจีน อุปกรณ์อีเล็คทรอนิคส่วนใหญ่จะผลิตจากจีน ทั้งของมียี่ห้อที่มีกระบนการผลิต และใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพ ใช้งานได้นาน และ Power Bank ราคาถูก ซึ่งออาจจะเก็บประจุได้มาก แต่ใช้ได้ไม่นาน
ตัวอย่างยี่ห้อดีๆ มีคุณภาพไว้ใจได้เช่น
Sanyo
Sony
Energizer

Power Bank ของแท้ของปลอม

อุปกรณ์ประเภทนี้ มีของปลอมเยอะมาก ราคาประหยัดกว่า แต่สามารถหลอกขายได้ในราคาสูงเท่าของแท้ การเลือกซื้อมาใช้งานจึงจำเป็นต้องศึกษาให้ดี ซึ่งปัจจุบันการหาข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์เหล่านี้ ทำได้ง่าย เพราะใน Google มีทุกอย่างที่เราอยากจะรู้ เพียงแค่พิมพ์ ชื่อยี่ห้อ รุ่นของ Power Bank ตามด้วย คำว่า ปัญหา หรือ ทดสอบ หรือ รีวิว หรือ ของปลอม ของแท้ เป็นต้น

การเลือกซื้อมาใช้งาน

หากต้องการใช้งานยาวๆ จึงควรเน้นยี่ห้อดี มีคุณภาพเข้าไว้ ซึ่งปัจจุบันเราสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นที่ต้องการได้ไม่ยาก ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ดีไม่ดีอย่างไร ใน Google มีคำตอบ
การซื้อ Power Bank จากร้านต่างๆ การซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้ และมีสาขาจำนวนมาก ตลอดจนการรับประกันการใช้งาน ก็จะสะดวกหากมีปัญหา หลายๆ ร้าน สามารถสั่งซื้อได้ทางอินเตอร์เน็ต หรือร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่น่าเชื่อถือใกล้บ้านท่าน ร้านของเราก็สามารถสั่งซื้อได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อพร้อมประกันนะครับ www.pchcomputer.net (เพ็ชรชุมพวงคอมพิวเตอร์)


อุปกรณ์ช่วยชาร์จแบตเตอรี่มือถือ เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน การเลือกซื้อมาไว้ใช้งาน ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เพราะอุปกรณ์รอบๆ ตัวเรา นับวันก็มีแต่อุปกรณ์อีเลคทรอนิคที่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ เมื่อต้องออกนอกบ้าน ที่ทำงาน ไม่มีที่ชาร์จก็ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เหล่านี้
ดังนั้นการเลือกอุปกรณ์ที่ดี มีความจุแบตเตอรี่สูง ใช้งานได้เพียงพอต่อความต้องการจึงเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราจะสามารถใช้ประโยชน์ไปได้อีกนานอย่างน้อย ก็ 2-3 ปีี ขึ้นไป สำหรับยี่ห้อดีๆ คุณภาพเซลล์เก็บประจุดีๆ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สาย LAN หรือ สาย UTP คืออะไร และข้อแตกต่างระหว่าง CAT5E กับ CAT6 เป็นอย่างไร




สาย LAN หรือ สาย UTP คืออะไร

UTP ย่อมาจาก UNSHIELD TWISTED PAIR ซึ่งถ้าแปลตรงตัวความหมายของมันก็คือ สายตีเกลียวที่ไม่มีตัวป้องกัน เรามาทำความรู้จักกับสาย UTP CABLE กันเลยดีกว่าครับ
UTP CABLE ที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์คือ COAXIAL CABLE, UTP CAT5, UTP CAT5e CABLE, UTP CAT6 CABLE และ UTP CAT7 CABLE ซึ่งขีดความสามารถในการใช้งานก็จะแตกต่างกัน

1. COAXIAL CABLE คือ สายทองแดงที่นำมาใช้ในระบบ LAN ที่มีความเร็วที่ต่ำ MAXIMUM ของ SPEED จะอยู่ที่ 10Mbps ส่วนมากใช้ในระบบ BUS

2. UTP CAT5 คือสายทองแดงตีเลียวที่ใช้ในระบบ LAN ที่มีความเร็วปานกลาง MAXIMUM ของ SPEED อยู่ที่ 100Mbps ใช้ในระบบ RING, STAR และแบบผสม

3. UTP CAT5e CABLE คือสายทองแดงตีเกลี่ยวที่นำมาใช้ในระบบ LAN ที่มีความเร็วสูง MAXIMUM ของ SPEED อยู่ที่ 1Gbps

4.UTP CAT6 CABLE คือสายทองแดงตีเกลียวที่นำมาใช้ในระบบ LAN ที่มี MAXIMUM ของ SPEED อยู่ที่ 10Gbps BANWIDTH อยู่ที่ 250MHz

5. UTP CAT7 CABLE คือสายทองแดงตีเกลี่ยวที่นำมาใช้ในระบบ LAN ที่มีความเร็วสูง MAXIMUM ของ SPEED อยู่ที่ 10Gbps BANWIDTH อยู่ที่600 MHz

เหล่านี้คือสายที่นำมาใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในปัจจุบันที่นิยมใช้และนำมาใช้กันมากที่สุดก็คือ สาย CAT5e และ CAT6 เพราะในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงใช้ SWITCH ที่มีความเร็วอยู่ที่ 10/100/1000 Mbps ยังไม่มีใครที่ใช้เกินไปกว่านี้ อย่างเช่นส่วนใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมโรงงานและสถานที่บริการทั่วๆ ไปยังใช้ 10/100 Mbps และที่ใช้ 1 Gbps ก็จะเป็ฯหน่วยงานที่ต้องการความเร็วที่สูงและต้องการใช้ Aplication ที่เยอะ และความเที่ยงตรงสูงนั่นเอง เนื่องจาก File ที่ใช้งานจะมีขนาดใหญ่
แล้วข้อแต่ CAT5E กับ CAT6 เป็นอย่างไร
UTP CAT5e มี 2 แบบ ก็คือ แบบธรรมดา กับแบบที่มี shield ซึ่งโดยทั่วไปแล้วระยะของสายที่ใช้เดินนับจาก SWITCH ไปยังเครื่อง USER นั้น ระยะไม่เกิน 100 เมตร ข้อมูลลึกๆ สาย UTP มี Diameter อยู่ที่ 24 AWG มี 2 ลักษณธคือสายที่เป็นแบบอ่อนและแบบแข็ง ซึ่งเรียกแตกต่างกันคือ คือ SOLID กับ STAN ซึ่งการใช้งานนั้นสายอ่อนจะใช้ทำสาย PATCH CORD และสายแข็งไว้เดินไปยังจัดต่างๆ ที่อยู่ในที่ปกปิดเช่นผนัง ฝ้า ฯลฯ
UTP CAT6 มี 2 แบบ ก็คือ แบบธรรมดา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วระยะของสายที่ใช้เดินนับจาก SWITCH ไปยังเครื่อง USER นั้น ระยะไม่เกิน 100 เมตร ข้อมูลลึกๆ สาย UTP มี Diameter อยู่ที่ 23 AWG มี 2 ลักษณธคือสายที่เป็นแบบอ่อนและแบบแข็ง ซึ่งเรียกแตกต่างกันคือ คือ SOLID กับ STAN ซึ่งการใช้งานนั้นสายอ่อนจะใช้ทำสาย PATCH CORD และสายแข็งไว้เดินไปยังจัดต่างๆ ที่อยู่ในที่ปกปิดเช่นผนัง ฝ้า ฯลฯ
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลให้ทราบกัน แต่จริงๆแล้ว  เราเลือกใช้สาย CAT6 ทั้งหมดสำหรับเครื่อง Server และเครื่อง Main VPS Server เพื่อรองรับมาตรฐาน Internet 10Gbps ในเร็วๆนี้
ถ้าอยากได้ความเร็วเพิ่มขึ้นต้องใช้กับ  gigabit switch นะครับ และใช้ควบคู่กับสาย CAT6 จึงจะได้ความเสถียรครับ ลวดข้างในของ CAT6 จะเส้นใหญ่กว่า CAT5eหน่อย และควรใช้สายLanคุณภาพอย่างดียี่ห้อดังๆนะครับ เช่น Link หรือ AMP ถ้าใช้ยี่ห้อไม่ดีถ้าต่อสายยาวเกินซัก 20 เมตร ความเร็วจะตกจาก 1000 เหลือแค่ 100 นะครับ และการต่อสายส่งสัญญษณได้เต็มที่ไม่เกิน 100 เมตร (สาย CAT6 เป็นมาตรฐานของสายและหัวต่อที่เขาการันตีว่าได้ความเร็ว 1G เต็มในระยะ 100 เมตร) ส่วนสาย CAT5e เอามาใช้แทนทั้งสายและหัวต่อเข้ากับ Gigabit SW ก็จะได้ความเร็วเต็มเหมือนกันในระยะหนึ่ง แต่เมื่อยาวไประยะหนึ่งจะเจอปัญหา Loss หรือ Timeout ทำให้ความเร็วตกหรือ Delay ครับ ตรงนี้น่ากลัวกว่าลดความเร็วเหลือ 100M ซะอีก
 
 

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Review : มือถือแบรนด์ไหนดัง ใช้มือถือ แบรนด์ไหนดี ??

เขียนโดย ใหญ่ จิรชยุตม์







แล้วแต่คนชอบนะครับ แต่ผมจะให้ข้อมูลคร่าวๆนะครับเพื่อประกอบการพิจารณาและตัดสินใจเลือกซื้อ

 มือถือแต่ก่อนแบรนด์ดังๆที่ขับเคี่ยวกันก็จะมี apple กับ samsung นะครับ ไปๆมาๆ ยอดขายทั่วโลก samsung แซง apple ไปไกลครับ ขึ้นครองอันดับ 1 ด้วยราคาที่ถูกกว่า และระบบ android ที่สู้ ios ได้

1) ประวัติ samsung : วันที่ 1 มีนาคม 1938 Byung-Chull Lee ประธานผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นธุรกิจในแตกู เกาหลีโดยมุ่งเน้นการส่งออกสินค้า การจำหน่ายปลาแห้งของเกาหลี ผักและผลไม้ไปยังแมนจูเรียและปักกิ่งเป็นหลัก ในเวลากว่าทศวรรษเล็กน้อย Samsung ซึ่งแปลว่า "ดาวสามดวง" ในภาษาเกาหลี มีโรงงานผลิตแป้งสำหรับทำอาหารและเครื่องจักรผลิตลูกกวาด อีกทั้งมีปฏิบัติการผลิตและจำหน่ายเป็นของตัวเอง  ปัจจุบันกลายเป็น บริษัทชั้นนำระดับโลก ด้วยความสำเร็จของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ Samsung ได้รับการยอมรับทั่วโลกในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี และปัจจุบันครองตำแหน่ง 1 ใน 10 สุดยอดแบรนด์ระดับโลก

2)  แอปเปิล หรือในชื่อเดิม แอปเปิลคอมพิวเตอร์ ได้เกิดขึ้นจากการร่วมกันก่อตั้งของ สตีฟ จ็อบส์ และ สตีฟ วอซเนียก เป็นบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แอปเปิลปฏิวัติคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 ด้วยเครื่องแอปเปิลทู  และแมคอินทอช
        ในยุค 80 ปัจจุบันแอปเปิลมีชื่อเสียงด้านฮาร์ดแวร์ เช่น ไอแมค ไอพอด ไอโฟน และ ร้านขายเพลง
ออ นไลน์ไอทูนส์ ประวัติโดยย่อ บริษัท Apple Computer Inc. ได้เกิดขึ้นจากการร่วมกันก่อตั้งของ สตีฟ จ็อบส์ และ สตีฟ วอซเนียก ทำการปฏิวัติธุรกิจคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 โดยการนำเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขาย ในชื่อ Apple I ที่ราคาจำหน่าย 666.66 เหรียญ ในจำนวนและระยะเวลาจำกัด
        ภาย ในปีถัดมาก็ได้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำยอดจำหน่ายสูงสุดให้กับบริษัท ณ ขณะนั้นคือ Apple II ซึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งวงการไมโครคอมพิวเตอร์ และเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับไมโครคอมพิวเตอร์ที่เกิดมาตามหลังทั้งหมด (อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาดังกล่าว ทางบริษัทจะมุ่งเน้นการขายระบบปฏิบัติการมากกว่าที่จะขายผลิตภัณฑ์ไมโคร คอมพิวเตอร์ เนื่องจากประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์จากบริษัท Intel และ IBM ทำงานได้ดีกว่า)
        ต่อ มาในยุค 80 Apple Inc. ได้พัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลถึงยอดจำหน่ายที่สูงขึ้นตามลำดับ ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ Macintosh ซึ่งยังส่งผลให้ Apple ยังคงมีชื่อเสียงในด้านผลิตภัณฑ์มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยมาตรฐานและเอกลักษณ์ทางการตลาดที่สอดคล้องกับปณิธานองค์กรที่ว่า “คิดอย่างแตกต่าง (Think Different)” ผลิตภัณฑ์ที่มักได้รับการกล่าวถึงและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน อาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งที่เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา (MacBook, MacBook Pro) และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (iMac, PowerMac) ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ได้แก่ Mac OSX (แมคโอเอสเท็น) อุปกรณ์ฟังเพลงขนาดพกพา ได้แก่ สายผลิตภัณฑ์ iPod และ iPhone อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น iSight, AirPort ฯลฯ โปรแกรมและบริการเสริมต่างๆ อาทิ iTunes เป็นต้น


ต่อมาครับเริ่มมีแบรนด์อื่นๆเข้ามาแบ่งส่วนแบ่งการตลาดมีอะไรบ้างมาติดตามดูกันครับ

Huawei,OPPO,Lenovo ขอพูดถึง 3 แบรนด์นี้นะครับ

 

Huawei (หัวเว่ย) : เป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมสัญชาติจีน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน  ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน และเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และติดตั้งงานโครงสร้างพื้นฐานของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากอีริกสัน

หัวเว่ยก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1987 โดยนายเหริน เจิ้งเฟย ปัจจุบัน บริษัทมีธุรกิจหลักแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่กลุ่มเครือข่ายโทรคมนาคม กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับภาคธุรกิจและองค์กร และกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารสำหรับผู้บริโภค โดยมีพนักงานรวมทั้งหมดกว่า 110,000 คนทั่วโลก นอกจากนี้ หัวเว่ยยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอีกกว่า 20 แห่งทั่วโลก
ในปี 2010 หัวเว่ยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน 500 บริษัทใหญ่ของนิตยสารฟอร์จูน ด้วยยอดขาย 21.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรสุทธิ 2.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันบริษัทยังเป็นบริษัทจำกัด ที่ไม่เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป แต่กระจายหุ้นให้เฉพาะกับพนักงานบริษัท


OPPO  (ออปโป้)  : ได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2001 และจดทะเบียนเป็นบริษัทในปี 2004 สำนักงานใหญ่ ณ ประเทศจีน มณฑลกวางตุ้ง เมืองตงก่วน
 
       ทั้งนี้ในสินค้าระยะแรกของ OPPO จะเป็นสินค้ากลุ่มความบันเทิง อาทิ เครื่องเล่น MP3 ต่อมาก็ขยายมาเป็น MP4 และเมื่อเล็งเห็นว่าตลาดมือถือกำลังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูง จึงทำให้ OPPO หันเหมาผลิตมือถือที่เป็นฟีเจอร์โฟนครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อปี 2008 (ในประเทศไทย OPPO เริ่มเข้ามาบุกตลาดฟีเจอร์โฟนในปี 2010 ซึ่งชูรูปลักษณ์ที่เอาใจเด็กวัยรุ่นที่คลั่งไคล้ดาราเกาหลีเป็นหลัก) จากนั้นในปี 2012 จึงได้เริ่มเปิดตัว OPPO Find 3 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ OPPO ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนประเทศจีน OPPO ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในปี 2011


Lenovo (เลโนโว่) : ก่อตั้งโดย Liu Chuanzhi Lenovo เป็นแบรนด์โนตบุคสัญชาติจีน เกิดจากการสมาสคำว่า Le ที่มาจาก Legend + Novo ในภาษาละตินที่แปลว่า new
ตอนแรกแบรนด์นี้ ใช้ชื่อว่า Legend แต่เมื่อต้องการจะไปตีตลาดในต่างประเทศจึงไม่สามารถใช้ชื่อนี้ได้เพราะไปตรง กับชื่อการค้าของแบรนด์อื่น จึงเปลี่ยนเป็น Lenovo
  • 1981
    • เป็นปีที่ IBM PCD ได้ออกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ในชื่อว่า “IBM PC”
  • 1984
    • เป็นปีที่ IBM PCD ได้ออกคอมพิวเตอร์แบบพกพาเครื่องแรก ในชื่อว่า “IBM Portable PC” มีน้ำหนักอยู่ที่ 30 ปอนด์
    • ด้วยเงินทุนเริ่มต้นเพียง RMB200,000 (US$25,000) ผู้ก่อตั้งเลอโนโวนาย Liu Chuanzhi และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี (ตำนานผู้ก่อตั้ง) โดยใช้รับเงินทุนสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
  • 1986
    • IBM PCD ได้ทำการเปิดตัวคอมพิวเตอร์แล็บท็อบเครื่องแรกในชื่อว่า “PC Convertible” มีน้ำหนัก 12 ปอนด์
  • 1988
    • Legend’s Chinese-Character card ได้รับรางวัลชนะเลิศผลงานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในประเทศจีน
    • สถาปนาเกาะฮ่องกง

ช่วงทศวรรษ 1990


  •  
    • 1990
      • เป็นปีแห่งวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ได้ปล่อยสินค้าออกสู่ตลาดภายใต้แบรนด์ผู้ขายและผู้ผลิต
    • 1992
      • IBM PCD ได้ออกสินค้าใหม่ ThinkPad โน้ตบุ๊คเครื่องแรกด้วยหน้าจอแสดงผลสีขนาด 10.4 นิ้ว
    • 1993
      • ยุคบุกเบิกของ “Pentium” และเป็นปีแรกของจีนในการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคลล “586”
    • 1994
      • IBM PCD ได้ส่ง ThinkPad 775CD ออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊ครุ่นแรกที่สามารถใช้งาน CD-ROM
    • 1995
      • แบรนด์ที่ผลิตเซิร์ฟเวอร์เป็นรายแรกได้ออกสู่ตลาด
    • 1996
      • เป็นปีแรกแห่งการเป็นผู้นำในส่วนแบ่งการตลาดของจีน
      • เปิดตัวบริษัทแล็ปท็อปแห่งแรก
    • 1997
      • IBM PCD ได้ส่ง ThinkPad 770 ออกสู่ตลาด โดย ThinkPad 770 เป็นโน้ตบุ๊ครุ่นแรกที่สามารถใช้งาน DVD-ROM ได้
    • 1998
      • ปิดตำนานสายการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล คุณ Andy Grove กรรมการผู้จัดการบริษัท Intel ในขณะนั้น มาร่วมพิธีอย่างเป็นทางการ และได้นำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของ Intel ด้วย
    • 1999
      • ได้กลายมาเป็นบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค

ช่วงทศวรรษ 2000


  •  
    • 2000
      • IBM PCD ได้ส่งผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลออกไปขายแล้วกว่า 10ล้านเครื่อง
      • ได้มีหุ้นเข้าไปสู่ดัชนี Hang Seng – ฮ่องกง
    • 2001
      • IBM โน้ตบุ๊คที่ได้มีการฝังชิพโปรแกรมความปลอดภัยได้กลายมาเป็นโน้ตบุ๊คเครื่อง แรกที่ได้รับการรับรองโดยสมาคมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้ ในมาตรฐานการตั้งค่าความปลอดภัยต่างๆ
      • แต่งตั้งประธานและผู้บริหารบริษัทคุณ Yuanqing Yang
    • 2002
      • เปิดตัวซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ รุ่น Deepcomp 1800 เป็นที่กล่าวขวัญ เป็นคอมพิวเตอร์ของจีนเครื่องแรกที่มีระบบ 1,000 GFLOP (Floating Point Operations per second) และเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ในจีนที่ทำงานได้รวดเร็วต่อการใช้งานของประชากร ด้วยอันดับ 43 จากรายชื่อทั้งหมด 500 อันดับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้รวดเร็วที่สุด
    • 2003
      • เปิดตัว Logo Lenovo ใหม่อย่างเป็นทางการสู่ตลาด และเตรียมพร้อมส่งผลิตภัณฑ์สู่ตลาดในต่างประเทศ
    • 2004
      • IBM PCD ได้เปิดตัวโน้ตบุ๊คเครื่องแรกที่สามารถใช้งานระบบ Fingerprint ได้
      • IBM PCD ได้ส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสู่ตลาดแล้วกว่า 100 ล้านเครื่อง (นับรวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ค)
      • เลอโนโวได้กลายมาเป็นพาร์ทเนอร์กับโอลิมปิกอย่างเป็นทางการ และเป็นบริษัทจากประเทศจีนบริษัทแรกที่ได้มาเป็นพาร์ทเนอร์ทางด้านอุปกรณ์ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กับ IOC
      • เลอโนโวและ IBM ได้ประกาศข้อตกลงให้เลอโนโวเป็นผู้ครอบครอง IBM ในส่วนงานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
    • 2005
      • เลอโนโวประสบความสำเร็จในการเข้าดำเนินกิจการในธุรกิจ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลต่อจาก IBM ทำให้เกิดเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์ IT ระดับนานาชาติซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขนาดใหญ่ที่สุดเป็น อันดับ 3 ของโลก
      • คุณ William J.Amelio เข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารและประธานบริษัทเลอโนโว
    • 2006
      • เลอโนโวได้มีส่วนร่วมในการให้ความสนับสนุนโอลิมปิกเกมส์ใน Torino, อิตาลีในปี 2006 โดยการสนับสนุนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปจำนวน 5,000 ชุด, เซิร์ฟเวอร์จำนวน 350 ชุดและคอมพิวเตอร์ประเภทโน้ตบุ๊คจำนวน 1,000 ตัว
    • 2007
      • คณะกรรมการจาก The Beijing Organizing for Olympic Games ได้เลือกดีไซน์จากเลอโนโวให้ได้รับรางวัลชนะเลิศการออกแบบจากบริษัทที่เข้า ร่วมแข่งขันกว่า 300 ชื่อ
    • 2008
      • เลอโนโวก้าวเข้าสู่โลกแห่งการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในตลาด consumer
      • เลอโนโว ThinkPad X300 ได้รับการขนานนามว่าเป็น “แล็ปท็อปที่ยอดเยี่ยมที่สุด” จากนิตยสาร BusinessWeek
      • เลอโนโวได้อวดศักยภาพในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่ปักกิ่ง ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
    • 2009
      • เลอโนโวได้เข้ามาเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ด้านเทคโนโลยีให้งาน World Expo 2010 ณ เซี่ยงไฮ้
      • เลอโนโวได้ขายสินค้าสู่ตลาดแล้ว 1 ล้านเครื่อง

ช่วงทศวรรษ 2010


  •  
    • 2010
      • เลอโนโวได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ LePhone สมาร์ทโฟนเครื่องแรกจากเลอโนโว
      • เลอโนโวได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ThinkPad แล้วกว่า 60ล้านเครื่อง
    • 2011
      • เลอโนโวได้ขยายตลาดธุรกิจจาก Mobile Internet Digital Home (MIDH) เปิดตลาดเข้าสู่ธุรกิจสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ตและสมาร์ททีวี
      • เลอโนโวได้เข้าร่วมธุรกิจกับ NEC เพื่อสร้างบริษัทผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
      • เลอโนโวได้เข้าครอบครองธุรกิจ Medion บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคที่ตั้งอยู่ใน ประเทศเยอรมัน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ได้เติบโตในตลาดฝั่งยุโรป
    • 2012
      • เลอโนโวได้เข้าร่วมธุรกิจกับ EMC เพื่อขยายธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ในประเทศจีนและพัฒนาธุรกิจด้าน Storage Solutions
      • เลอโนโวเข้าดูแลธุรกิจ Stoneware บริษัทผู้ผลิตซอฟแวร์โดยมุ่งพัฒนาระบบแบบ Cloud Computing
      • เลอโนโวได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ThinkPad สู่ตลาดแล้วกว่า 75ล้านเครื่อง
    • 2013
      • เลอโนโวได้ขึ้นสู่การเป็นอันดับ1 บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
      • เลอโนโวเป็นอับดับที่ #329 ในการจัดอันดับ 500 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก
      • เลอโนโวเข้าครอบครองธุรกิจ CCE บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเลคทรอนิคชั้นนำในประเทศบราซิล
      • เลอโนโวได้ขึ้นเป็นอันดับ 3 ในการจัดอันดับบริษัทธุรกิจสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

         

        ----------------------------------------------------

         

         Huawei มาจาก บริษัท ผลิต อุปกรณ์ เน็ตเวิรค เครื่อข่ายสื่อสาร

        OPPO มาจาก บริษัท ผลิต เครื่องใช้ไฟไฟ้า เครื่องเสียง เครื่องเล่น MP3

        Lenovo มาจาก บริษัท ผลิต คอมพิวร์เตอร์ (อันดับ 1 ยอดขาย Notebook ทั่วโลก และปัจจุบันยักษ์ใหญ่ขึ้นหลังจากTakeover Motolola)

         

        Huawei Lenovo ขายทั่วโลก

        Oppo ขายในจีนกับไทย โดยหลอกคนไทยให้เข้าใจว่าแบรนด์เกาหลี oppo oppa ตอนเปิดตัวเอา 2pm มาโฆษณา 

         

        คงจะพอได้ข้อมูลคร่าวๆกันแล้วใช่ไหมครับ ในการตัดสินใจเลือกซื้อมือถือสักเครื่องว่าจะใช้แบรนด์ไหนดี ส่วนตัวผมตัด oppo ทิ้งไป ที่1 ในใจ lenovo แบรนด์เดียวเท่านั้นครับ ถูกใจใครบ้างไม่ถูกใจใครบ้างก็ขออภัยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ แล้วโอกาสหน้าผมจะมา Review ใหม่นะครับ ถ้าถูกใจ กด Like หรือ แชร์ ให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ^^








 

 



วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล บนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์ บลาๆ

รวม 6 วิธี เพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล บนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์


สำหรับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตที่มีพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลในเครื่องน้อย หรือไม่ได้เก็บไฟล์ขนาดใหญ่ไว้บนเครื่อง แต่กลับพบว่าหน่วยความจำนั้นเต็มเร็ว ซึ่งสาเหตุเกิดจาก เมื่อเราใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือเว็บบราวเซอร์ต่างๆ ระบบจะสร้างประวัติการใช้งาน, แคช, ไฟล์ขยะๆต่าง จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำ และเครื่องทำงานได้ช้าลง เพื่อเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์ ให้สามารถใช้งานได้เต็มที่ มาดูข้อแนะนำสำหรับทำความสะอาดหน่วยความจำเครื่องกัน 
เริ่มต้นกันที่วิธี 1. ลบแอพฯ ออกจากตัวเครื่อง ถ้าหากแอพฯ นั้นไม่ได้ใช้งานแล้ว 
 
2. ย้ายไฟล์ รูปภาพ, วิดีโอ, เพลง ของเราไปยังคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์สำหรับการจัดเก็บอื่นๆ หากสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตมีหน่วยความจำน้อย
 
3. ลบประวัติการดาวน์โหลดต่างๆ จากเว็บไซต์ หรือแอพฯ ก็เป็นทางเลือกในการเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บ ที่ดีเช่นกัน
 
4. ตรวจสอบว่ามีโฟลเดอร์ หรือไฟล์ใดบ้างที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ ผ่านแอพฯ ที่มีชื่อว่า วิเคราะห์อุปกรณ์เก็บข้อมูล (ดาวน์โหลดได้ที่นี่) โดยจะแสดงผลเป็นแบบ infographics ทำให้เข้าใจได้ง่าย และสามารถค้นหา และตรวจสอบได้รวดเร็วว่าไฟล์ใด หรือโฟลเดอร์ใดบ้างที่มีขนาดใหญ่
 
5. ลบ cache ของหน่วยความจำออก ซึ่งเมื่อเราใช้งานแอพฯ ใดบ่อยๆ ก็จะถูกจัดเก็บลงบน หน่วยความจำ ทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล เป็นอย่างมาก
 
6. ลบแอพฯ ที่มาพร้อมกับเครื่องสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตออก ซึ่งในบางรุ่นนั้นมีแอพฯ ถูกติดตั้งมากับตัวเครื่องหลายแอพฯ ดังนั้นหนึ่งในทางเลือกที่ดี หากไม่ได้ใช้งานแอพฯ ที่ถูกติดตั้งมาก็ควรจะลบออก ซึ่งวิธีที่สามารถลบได้คือ ต้อง root ตัวเครื่องก่อน จึงจะสามารถลบแอพฯ ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่องได้
 
อย่างไรก็ดีทั้ง 6 วิธีเป็นเพียงแค่ข้อแนะนำเบื้องต้น ในการเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บ ซึ่งถ้าหากว่าจะลบแอพฯ หรือไฟล์ใดๆ ควรที่จะแบ็คอัพข้อมูลไว้ก่อนเสมอ เพื่อเป็นการป้องกันการความผิดพลาด และการลบโดยไม่ตั้งใจ

Root คืออะไร? Root แล้วได้อะไร? ทำไมต้อง Root?

Root คืออะไร? Root แล้วได้อะไร? ทำไมต้อง Root?
Photo Feb 29, 3 44 17 PM.gif

Root คืออะไร?
Photo Feb 29, 3 44 12 PM.jpeg
    ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่า Android นั้นพัฒนาขึ้นมาจาก Linux เพราะฉะนั้น Kernel หรือแกนกลางที่ตัวระบบคุยกับ Hardware นั้นก็จะใช้รูปแบบเดียวกับ Linux ครับ จริงๆแล้วเราอาจจะเรียกแอนดรอยด์ว่าระบบปฎิบัติการ ( Operating System ) อย่างเต็มปากเต็มคำไม่ได้ด้วยซ้ำ

เนื่องจาก Android นั้นไม่ได้เป็น OS ตรงๆแต่เป็น OS Stack เพราะ Android นั้นไม่ได้ติดต่อกับ Hardware โดยตรงครับ แต่จะใช้ Linux ในการติดไปอีกทีนึง


*** iOS เองจริงๆแล้วก็เป็น OS Stack เช่นกัน โดยมีพื้นฐานของตัว OS มาจาก FreeBSD และใช้ Kernel แบบเดียวกับ Linux ครับ ( FreeBSD เป็นญาติกับ Linux )

ถ้าหากสงสัยเรื่อง OS Stack ให้อ่านที่ลิ้งค์นี้ครับ http://c2.com/cgi/wiki?TheStack

Root ในภาษาของคนใช้ Linux ทั่วไป มันคือ Default Super User นั่นเองครับ หลังจากเราลง Linux หรือญาติของ Linux ตัวอื่นๆอย่าง Ubuntu, FreeBSD และ Fedora มันจะมี User ที่ขื่อว่า Root เป็น Super User ที่สามารถแก้ไขไฟล์และตั้งค่าระบบต่างๆในเครื่องได้ ถ้าจะพูดกันให้เข้าใจแบบบ้านๆกับคนใช้ Windows บ่อยๆ Super User ก็คือ Adminstrator นั่นล่ะครับ
Photo Feb 29, 3 49 19 PM.jpeg
    การ Jailbreak บน iOS ก็คือการทำให้ได้มาซึ่งสิทธิของ Super User เช่นเดียวกับ การ Root บน Android ครับ ทำให้หลังจากที่เราทำการ Jailbreak บน iOS แล้วเราจะสามารถแก้ไขส่วนต่างๆของระบบได้เช่นเดียวกับ Android ที่ทำการ Root พูดง่ายๆก็คือ Jailbreak(iOS) = Root(Android) นั่นเอง แต่ทว่า Android นั้นเค้าไม่ได้ล้อคการติดตั้งแอพฯที่ไม่รู้แหล่งที่มาหรือแอพฯนอก Market ( Unknow Source ) ทำให้ Android สามารถติดตั้งแอพฯที่เป็นไฟล์ .apk ได้เลย ต่างจาก Apple ที่ล้อคการติดตั้งเอาไว้ ทำให้ผู้ที่ต้องการลงแอพฯไฟล์ .ipa นั้นจำเป็นต้อง Root เพื่อแก้ไขระบบก่อน จึงจะสามารถลงแอพฯจากไฟล์ได้

เพราะฉะนั้นผมขอนิยามการ Root บน Android เป็นภาษาไทยว่า "การทำให้ได้มาซึ่งสิทธิ Super User" ละกันครับ


Root แล้วได้อะไร?
Photo Feb 29, 3 44 47 PM.png
    มีหลายๆคนมักจะเข้าใจผิดกันไปต่างๆนาๆว่า
Root แล้วเครื่องจะเร็วขึ้น
Root แล้วเครื่องจะเสถียรขึ้น
Root แล้วเครื่องจะประหยัดแบตขึ้น
    ต้องบอกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ได้มาจากการ Root ครับ แต่มันจะได้มาหลังจากการ Root ต่างหากล่ะครับ บางคนอาจจะคิดง่ายๆว่าอยาก Overclock CPU ก็ Root แล้วลงแอพฯ Overclock ก็จบแล้ว จริงๆมันไม่ใช่ครับ บางเครื่องอาจจะง่ายๆแค่นั้น บางเครื่องก็ถึงกับต้องลง Custom ROM หรือยัด Kernel ที่ Support การ Overclock ลงไป ถึงจะสามารถ Overclock ได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากเราต้องการจะใช้อะไรหลังจากการ Root ให้ไปดูวิธีทำไว้ก่อนว่ามันยากเกินกว่าเราจะทำได้มั้ย หรือมันสามารถทำได้รึเปล่า เพราะเครื่องบางเครื่องมันก็ Overclock ไม่ได้นะครับ

    เรื่องที่ทำให้เครื่องเสถียรขึ้นก็เช่นกัน การที่ทาง Google จำเป็นต้องปิด Super user ไว้ไม่ให้เราใช้กันก็เพราะมันจะมีผลกับความเสถียรของเครื่องที่เราใช้อยู่ นี่ล่ะครับ ถ้าหากเรามี Super user อยู่ในมือเราก็สามารถแก้ไขตัวระบบได้ แน่นอนว่ามันอาจจะทำให้เครื่องเสถียรขึ้นหรือลดความเสถียรลงก็ได้ เพราะฉะนั้นก่อนการ Root ทำใจเรื่องนี้กันไว้ด้วยนะครับ

ทำไมต้อง Root?
Photo Feb 29, 3 46 15 PM.png
    แน่นอนว่าเพื่อทำให้เราสามารถแก้ไขตัวระบบ และเพิ่มความสามารถให้กับตัวระบบของเราได้นั่นเองครับ ลองมาดูตัวอย่างฟังชั่นที่มีประโยชน์ที่เราได้มาหลังจากการ Root กันดีกว่า
- การแชร์ไฟล์แบบ NFS ( Network File Sharing ) ด้วย Samba File Sharing การแชร์ไฟล์ลักษณะนี้จะเหมือนกับการแชร์ไฟล์ระหว่าง Windows กับ Windows ผ่าน Wireless เลยล่ะครับ ซึ่งแอพฯตัวนี้เป็นเหตุผลหลักๆที่ผม Root เครื่องอยู่ทุกครั้งเลยทีเดียว ( ขี้เสียบสายสินะ แฮะๆ)
- การ Fake Legion บน Android Market อันนี้ผมเองก็ใช้บ่อยๆเหมือนกัน เนื่องจากแอพฯใน Market บางตัวนั้นจะล้อคเอาไว้สำหรับประเทศของตัวเองเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นครับ แอพฯเค้าเยอะมาก แต่เราโหลดไม่ได้เพราะเค้าล้อคโซนเอาไว้ ก็ใช้พวก Market Enabler นี่ล่ะครับ Fake Legion ไปโหลดกัน
- Overclock CPU อันนี้เอาสะใจครับ เอาไว้ Overclock วัด Quadrant ให้มันดูเยอะเล่นๆไปงั้นเอง สำหรับคนใช้ Galaxy S2 หรืิอ Galaxy Note ที่ใช้ Stock ROM สามารถโหลด Tegrak Overclock มาใช้ได้เลย
- Droid Firewall เอาไว้บล้อคอินเตอร์เน็ตเป็นรายแอพฯไป อย่างเช่นผมเห็นว่า Whatsapp มันส่งข้อมูลบ่อยกินแบต หรืออยากจะออฟไลน์ Whatsapp ก็ใช้เจ้าตัวนี้ล่ะครับ

    ที่ผมบอกไปด้านบนนี่คือที่ตัวผมเองใช้อยู่บ่อยๆนะครับ แต่จริงๆแล้วมันยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะมาก ทั้งการเปลี่ยน Font, การเปลี่ยน Boot Animation, การเปลี่ยนรูปแบตเตอร์รี่ และเปลี่ยนไปใช้ Custom ROM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถของเครื่อง

    ทั้งนี้การ Root อย่างไรก็ยังมีผลเสียอยู่ เช่น เครื่องพัง, ประกันหมด (เอากลับมาได้ด้วยการ Flash ROM ใหม่) ถ้าคิดจะ Root แล้วเจ้าของเครื่องก็ต้องรับความเสี่ยงกันเอาเองนะครับ