สถิติตัวเลขผู้ขายออนไลน์จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า มีผู้ขายออนไลน์ในไทยสูงถึง 1 ล้าน 5 พันราย แต่ ตัวเลขการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีเพียงแค่ 13,000 รายเท่านั้น
คุณวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ให้ข้อมูลว่า การที่บังคับให้ร้านค้าออนไลน์มาลงทะเบียนนี้ ก็เป็นการบังคับใช้กฏหมาย พ.ร.บ. ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 เพื่อให้สามารถระบุตัวตนของผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ได้อย่างชัดเจน และเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า เนื่องจากในปัจจุบัน การถูกโกง ถูกหลอกลวงจากการค้าออนไลน์เกิดขึ้นบ่อยๆ
“ต่อไปถ้าไม่จดทะเบียนให้ถูกต้อง จะถือเป็นคนขายสินค้าเถื่อน เป็นเว็บไซต์เถื่อน ไม่น่าเชื่อถือ เพราะระบุตัวตนไม่ได้ ผู้บริโภคก็ไม่ควรให้ความเชื่อถือในการเข้าไปเลือกซื้อสินค้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ และถูกโกง เพราะไม่มีหลักประกันอันใดในการพิสูจน์ว่าคนขายตั้งใจทำธุรกิจออนไลน์จริง แต่ถ้ามาจดทะเบียนอย่างถูกต้องจะถือเป็นผู้ที่มีความตั้งใจที่จะทำธุรกิจ และผู้บริโภคเชื่อถือได้” คุณวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าว
ทั้งนี้ท่านรองอธิบดีก็ชี้แจงว่าทางกรม ไม่ได้ต้องการเข้าไปควบคุมผู้ขาย แต่ต้องการช่วยพัฒนาธุรกิจ E-commerce เดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากหากผู้ซื้อไม่สามารถไว้ใจผู้ขายได้ ก็จะกระทบไปยังผู้ขายรายอื่นๆที่มีการจดทะเบียนแล้วค่ะ ซึ่งถ้าหากมีการลงทะเบียนร้านค้าออนไลน์ ผู้ซื้อก็จะสบายใจในการสั่งซื้อขึ้น
“สำหรับผู้ขายออนไลน์ ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ทั้งคนที่มีเวปไซต์เปิดเป็นร้านค้าของตัวเอง รวมถึงคนที่เปิดร้านขายเป็นจริงเป็นจัง รวมถึงร้านขายบน Social Network เช่น facebook, Instagram ต้องไปจดทะเบียนพาณิชย์ และนำเลขทะเบียนแสดงบนหน้าร้านค้าออนไลน์ด้วย”
เอกสารที่ใช้จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้ (หรือคลิกที่นี่เพื่อดูลิงค์ดาวน์โหลดเอกสารต่างๆ)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประกอบพาณิชยกิจ
- แบบคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ (แบบ ทพ.)
- รายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ (เอกสารแนบ แบบ ทพ.) กรอก 1 ใบ ต่อ 1 เว็บไซต์
- เอกสารการจดโดเมนเนม (กรณีที่มีเว็บไซต์ และชื่อผู้จดทะเบียนโดเมนเนม ต้องเป็นชื่อผู้ประกอบการที่จดทะเบียนพาณิชย์)
- Print หน้าแรกของเว็บไซต์ , สินค้า/บริการที่ประกอบพาณิชยกิจ และวิธีการสั่งซื้อสินค้า/บริการ วิธีการชำระเงิน วิธีการส่งสินค้า
- แผนที่ตั้งการประกอบพาณิชยกิจ
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท (กรณีจดในนามนิติบุคคล)
- หนังสือมอบอำนาจ พร้อมติดอากรแสตมป์ 10 บาท และสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (กรณีมอบอำนาจ)
- หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ หรือ สัญญาเช่า
- สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของสถานที่ พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน หรือ เอกสารสิทธิ์ที่แสดงว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
- สำเนาเอกสารแสดงการจดทะเบียนนิติบุคคล
- หนังสือแต่งตั้งผู้ดำเนินกิจการในประเทศไทย
2.1 ใบอนุญาตทำงาน (กรณีผู้ดำเนินกิจการเป็นคนต่างด้าว)
2.2 ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือหนังสือรับรองการใช้สิทธิ (ถ้ามี)
แล้วไปจดทะเบียนพาณิชยอิเล็กทรอนิกส์ ได้ ตามสถานที่ดังนี้- สำนักงานแห่งใหญ่ของสถานประกอบการตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ให้ยื่นที่ สำนักงานเขตที่สำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่
- สำนักงานแห่งใหญ่ของสถานประกอบการตั้งอยู่ในต่างจังหวัด ให้ยื่นที่ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์เมืองพัทยา เทศบาล หรือองค์การบริการส่วนตำบลที่สำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่
- ถ้าสำนักงานแห่งใหญ่ของผู้ประกอบพาณิชยกิจตั้งอยู่ในต่างประเทศ และมาตั้งสำนักงานสาขาเพื่อประกอบพาณิชยกิจในประเทศไทย สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งในเขตท้องที่รับผิดชอบของสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ใดก็ให้จดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนพาณิชย์ในเขตท้องที่นั้น
- การยื่นคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ 1 คำขอต่อ 1 เว็บไซต์ หรือ ร้านค้าออนไลน์
- ต้องมีร้านค้าออนไลน์แล้ว โดยมิใช่มีแต่ชื่อเว็บไซต์ หรือ ชื่อร้านค้า
- เป็นร้านค้าหรือประกอบพาณิชยกิจพาณิชยอิเล็กทรอนิกส์ 4 ประเภทตามที่กฎหมายกำหนด
- ไม่ใช่เว็บไซต์หรือสื่อออนไลน์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือให้ข้อมูลเท่านั้น โดยไม่สามารถซื้อขายผ่านทางเว็บไซต์หรือสื่อออนไลน์นั้น ๆ
- การซื้อขายสินค้า/บริการผ่านทาง เว็บไซต์หรือ Social Media เช่น Facebook ที่เป็นการทำการค้าโดยปกติ ถือเป็นการซื้อขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ และนำเลขทะเบียนแสดงบนหน้าร้านค้าออนไลน์
- กรมฯ จะอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรอง DBD Registered เฉพาะร้านค้าออนไลน์ที่เป็นเว็บไซต์และมีโดเมนเนมเป็นของตนเอง ไม่รวมสื่อออนไลน์อื่น
- - จดทะเบียนพาณิชย์ตั้งใหม่ 50 บาท
- - จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน ครั้งละ 20 บาท
- - จดทะเบียนเลิกประกอบพาณิชยกิจ 20 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น