เพ็ชรชุมพวงคอมพิวเตอร์

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Review : มือถือแบรนด์ไหนดัง ใช้มือถือ แบรนด์ไหนดี ??

เขียนโดย ใหญ่ จิรชยุตม์







แล้วแต่คนชอบนะครับ แต่ผมจะให้ข้อมูลคร่าวๆนะครับเพื่อประกอบการพิจารณาและตัดสินใจเลือกซื้อ

 มือถือแต่ก่อนแบรนด์ดังๆที่ขับเคี่ยวกันก็จะมี apple กับ samsung นะครับ ไปๆมาๆ ยอดขายทั่วโลก samsung แซง apple ไปไกลครับ ขึ้นครองอันดับ 1 ด้วยราคาที่ถูกกว่า และระบบ android ที่สู้ ios ได้

1) ประวัติ samsung : วันที่ 1 มีนาคม 1938 Byung-Chull Lee ประธานผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นธุรกิจในแตกู เกาหลีโดยมุ่งเน้นการส่งออกสินค้า การจำหน่ายปลาแห้งของเกาหลี ผักและผลไม้ไปยังแมนจูเรียและปักกิ่งเป็นหลัก ในเวลากว่าทศวรรษเล็กน้อย Samsung ซึ่งแปลว่า "ดาวสามดวง" ในภาษาเกาหลี มีโรงงานผลิตแป้งสำหรับทำอาหารและเครื่องจักรผลิตลูกกวาด อีกทั้งมีปฏิบัติการผลิตและจำหน่ายเป็นของตัวเอง  ปัจจุบันกลายเป็น บริษัทชั้นนำระดับโลก ด้วยความสำเร็จของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ Samsung ได้รับการยอมรับทั่วโลกในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี และปัจจุบันครองตำแหน่ง 1 ใน 10 สุดยอดแบรนด์ระดับโลก

2)  แอปเปิล หรือในชื่อเดิม แอปเปิลคอมพิวเตอร์ ได้เกิดขึ้นจากการร่วมกันก่อตั้งของ สตีฟ จ็อบส์ และ สตีฟ วอซเนียก เป็นบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แอปเปิลปฏิวัติคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 ด้วยเครื่องแอปเปิลทู  และแมคอินทอช
        ในยุค 80 ปัจจุบันแอปเปิลมีชื่อเสียงด้านฮาร์ดแวร์ เช่น ไอแมค ไอพอด ไอโฟน และ ร้านขายเพลง
ออ นไลน์ไอทูนส์ ประวัติโดยย่อ บริษัท Apple Computer Inc. ได้เกิดขึ้นจากการร่วมกันก่อตั้งของ สตีฟ จ็อบส์ และ สตีฟ วอซเนียก ทำการปฏิวัติธุรกิจคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในยุค 70 โดยการนำเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขาย ในชื่อ Apple I ที่ราคาจำหน่าย 666.66 เหรียญ ในจำนวนและระยะเวลาจำกัด
        ภาย ในปีถัดมาก็ได้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำยอดจำหน่ายสูงสุดให้กับบริษัท ณ ขณะนั้นคือ Apple II ซึ่งเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งวงการไมโครคอมพิวเตอร์ และเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับไมโครคอมพิวเตอร์ที่เกิดมาตามหลังทั้งหมด (อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาดังกล่าว ทางบริษัทจะมุ่งเน้นการขายระบบปฏิบัติการมากกว่าที่จะขายผลิตภัณฑ์ไมโคร คอมพิวเตอร์ เนื่องจากประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์จากบริษัท Intel และ IBM ทำงานได้ดีกว่า)
        ต่อ มาในยุค 80 Apple Inc. ได้พัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลถึงยอดจำหน่ายที่สูงขึ้นตามลำดับ ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ Macintosh ซึ่งยังส่งผลให้ Apple ยังคงมีชื่อเสียงในด้านผลิตภัณฑ์มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยมาตรฐานและเอกลักษณ์ทางการตลาดที่สอดคล้องกับปณิธานองค์กรที่ว่า “คิดอย่างแตกต่าง (Think Different)” ผลิตภัณฑ์ที่มักได้รับการกล่าวถึงและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน อาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งที่เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา (MacBook, MacBook Pro) และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (iMac, PowerMac) ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ได้แก่ Mac OSX (แมคโอเอสเท็น) อุปกรณ์ฟังเพลงขนาดพกพา ได้แก่ สายผลิตภัณฑ์ iPod และ iPhone อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น iSight, AirPort ฯลฯ โปรแกรมและบริการเสริมต่างๆ อาทิ iTunes เป็นต้น


ต่อมาครับเริ่มมีแบรนด์อื่นๆเข้ามาแบ่งส่วนแบ่งการตลาดมีอะไรบ้างมาติดตามดูกันครับ

Huawei,OPPO,Lenovo ขอพูดถึง 3 แบรนด์นี้นะครับ

 

Huawei (หัวเว่ย) : เป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมสัญชาติจีน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน  ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน และเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และติดตั้งงานโครงสร้างพื้นฐานของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากอีริกสัน

หัวเว่ยก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1987 โดยนายเหริน เจิ้งเฟย ปัจจุบัน บริษัทมีธุรกิจหลักแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่กลุ่มเครือข่ายโทรคมนาคม กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับภาคธุรกิจและองค์กร และกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารสำหรับผู้บริโภค โดยมีพนักงานรวมทั้งหมดกว่า 110,000 คนทั่วโลก นอกจากนี้ หัวเว่ยยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอีกกว่า 20 แห่งทั่วโลก
ในปี 2010 หัวเว่ยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน 500 บริษัทใหญ่ของนิตยสารฟอร์จูน ด้วยยอดขาย 21.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรสุทธิ 2.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันบริษัทยังเป็นบริษัทจำกัด ที่ไม่เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป แต่กระจายหุ้นให้เฉพาะกับพนักงานบริษัท


OPPO  (ออปโป้)  : ได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2001 และจดทะเบียนเป็นบริษัทในปี 2004 สำนักงานใหญ่ ณ ประเทศจีน มณฑลกวางตุ้ง เมืองตงก่วน
 
       ทั้งนี้ในสินค้าระยะแรกของ OPPO จะเป็นสินค้ากลุ่มความบันเทิง อาทิ เครื่องเล่น MP3 ต่อมาก็ขยายมาเป็น MP4 และเมื่อเล็งเห็นว่าตลาดมือถือกำลังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูง จึงทำให้ OPPO หันเหมาผลิตมือถือที่เป็นฟีเจอร์โฟนครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อปี 2008 (ในประเทศไทย OPPO เริ่มเข้ามาบุกตลาดฟีเจอร์โฟนในปี 2010 ซึ่งชูรูปลักษณ์ที่เอาใจเด็กวัยรุ่นที่คลั่งไคล้ดาราเกาหลีเป็นหลัก) จากนั้นในปี 2012 จึงได้เริ่มเปิดตัว OPPO Find 3 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ OPPO ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนประเทศจีน OPPO ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในปี 2011


Lenovo (เลโนโว่) : ก่อตั้งโดย Liu Chuanzhi Lenovo เป็นแบรนด์โนตบุคสัญชาติจีน เกิดจากการสมาสคำว่า Le ที่มาจาก Legend + Novo ในภาษาละตินที่แปลว่า new
ตอนแรกแบรนด์นี้ ใช้ชื่อว่า Legend แต่เมื่อต้องการจะไปตีตลาดในต่างประเทศจึงไม่สามารถใช้ชื่อนี้ได้เพราะไปตรง กับชื่อการค้าของแบรนด์อื่น จึงเปลี่ยนเป็น Lenovo
  • 1981
    • เป็นปีที่ IBM PCD ได้ออกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ในชื่อว่า “IBM PC”
  • 1984
    • เป็นปีที่ IBM PCD ได้ออกคอมพิวเตอร์แบบพกพาเครื่องแรก ในชื่อว่า “IBM Portable PC” มีน้ำหนักอยู่ที่ 30 ปอนด์
    • ด้วยเงินทุนเริ่มต้นเพียง RMB200,000 (US$25,000) ผู้ก่อตั้งเลอโนโวนาย Liu Chuanzhi และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี (ตำนานผู้ก่อตั้ง) โดยใช้รับเงินทุนสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
  • 1986
    • IBM PCD ได้ทำการเปิดตัวคอมพิวเตอร์แล็บท็อบเครื่องแรกในชื่อว่า “PC Convertible” มีน้ำหนัก 12 ปอนด์
  • 1988
    • Legend’s Chinese-Character card ได้รับรางวัลชนะเลิศผลงานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในประเทศจีน
    • สถาปนาเกาะฮ่องกง

ช่วงทศวรรษ 1990


  •  
    • 1990
      • เป็นปีแห่งวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ได้ปล่อยสินค้าออกสู่ตลาดภายใต้แบรนด์ผู้ขายและผู้ผลิต
    • 1992
      • IBM PCD ได้ออกสินค้าใหม่ ThinkPad โน้ตบุ๊คเครื่องแรกด้วยหน้าจอแสดงผลสีขนาด 10.4 นิ้ว
    • 1993
      • ยุคบุกเบิกของ “Pentium” และเป็นปีแรกของจีนในการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคลล “586”
    • 1994
      • IBM PCD ได้ส่ง ThinkPad 775CD ออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊ครุ่นแรกที่สามารถใช้งาน CD-ROM
    • 1995
      • แบรนด์ที่ผลิตเซิร์ฟเวอร์เป็นรายแรกได้ออกสู่ตลาด
    • 1996
      • เป็นปีแรกแห่งการเป็นผู้นำในส่วนแบ่งการตลาดของจีน
      • เปิดตัวบริษัทแล็ปท็อปแห่งแรก
    • 1997
      • IBM PCD ได้ส่ง ThinkPad 770 ออกสู่ตลาด โดย ThinkPad 770 เป็นโน้ตบุ๊ครุ่นแรกที่สามารถใช้งาน DVD-ROM ได้
    • 1998
      • ปิดตำนานสายการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล คุณ Andy Grove กรรมการผู้จัดการบริษัท Intel ในขณะนั้น มาร่วมพิธีอย่างเป็นทางการ และได้นำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของ Intel ด้วย
    • 1999
      • ได้กลายมาเป็นบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค

ช่วงทศวรรษ 2000


  •  
    • 2000
      • IBM PCD ได้ส่งผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลออกไปขายแล้วกว่า 10ล้านเครื่อง
      • ได้มีหุ้นเข้าไปสู่ดัชนี Hang Seng – ฮ่องกง
    • 2001
      • IBM โน้ตบุ๊คที่ได้มีการฝังชิพโปรแกรมความปลอดภัยได้กลายมาเป็นโน้ตบุ๊คเครื่อง แรกที่ได้รับการรับรองโดยสมาคมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อถือได้ ในมาตรฐานการตั้งค่าความปลอดภัยต่างๆ
      • แต่งตั้งประธานและผู้บริหารบริษัทคุณ Yuanqing Yang
    • 2002
      • เปิดตัวซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ รุ่น Deepcomp 1800 เป็นที่กล่าวขวัญ เป็นคอมพิวเตอร์ของจีนเครื่องแรกที่มีระบบ 1,000 GFLOP (Floating Point Operations per second) และเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ในจีนที่ทำงานได้รวดเร็วต่อการใช้งานของประชากร ด้วยอันดับ 43 จากรายชื่อทั้งหมด 500 อันดับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้รวดเร็วที่สุด
    • 2003
      • เปิดตัว Logo Lenovo ใหม่อย่างเป็นทางการสู่ตลาด และเตรียมพร้อมส่งผลิตภัณฑ์สู่ตลาดในต่างประเทศ
    • 2004
      • IBM PCD ได้เปิดตัวโน้ตบุ๊คเครื่องแรกที่สามารถใช้งานระบบ Fingerprint ได้
      • IBM PCD ได้ส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสู่ตลาดแล้วกว่า 100 ล้านเครื่อง (นับรวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ค)
      • เลอโนโวได้กลายมาเป็นพาร์ทเนอร์กับโอลิมปิกอย่างเป็นทางการ และเป็นบริษัทจากประเทศจีนบริษัทแรกที่ได้มาเป็นพาร์ทเนอร์ทางด้านอุปกรณ์ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กับ IOC
      • เลอโนโวและ IBM ได้ประกาศข้อตกลงให้เลอโนโวเป็นผู้ครอบครอง IBM ในส่วนงานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
    • 2005
      • เลอโนโวประสบความสำเร็จในการเข้าดำเนินกิจการในธุรกิจ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลต่อจาก IBM ทำให้เกิดเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์ IT ระดับนานาชาติซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขนาดใหญ่ที่สุดเป็น อันดับ 3 ของโลก
      • คุณ William J.Amelio เข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารและประธานบริษัทเลอโนโว
    • 2006
      • เลอโนโวได้มีส่วนร่วมในการให้ความสนับสนุนโอลิมปิกเกมส์ใน Torino, อิตาลีในปี 2006 โดยการสนับสนุนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปจำนวน 5,000 ชุด, เซิร์ฟเวอร์จำนวน 350 ชุดและคอมพิวเตอร์ประเภทโน้ตบุ๊คจำนวน 1,000 ตัว
    • 2007
      • คณะกรรมการจาก The Beijing Organizing for Olympic Games ได้เลือกดีไซน์จากเลอโนโวให้ได้รับรางวัลชนะเลิศการออกแบบจากบริษัทที่เข้า ร่วมแข่งขันกว่า 300 ชื่อ
    • 2008
      • เลอโนโวก้าวเข้าสู่โลกแห่งการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในตลาด consumer
      • เลอโนโว ThinkPad X300 ได้รับการขนานนามว่าเป็น “แล็ปท็อปที่ยอดเยี่ยมที่สุด” จากนิตยสาร BusinessWeek
      • เลอโนโวได้อวดศักยภาพในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่ปักกิ่ง ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
    • 2009
      • เลอโนโวได้เข้ามาเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ด้านเทคโนโลยีให้งาน World Expo 2010 ณ เซี่ยงไฮ้
      • เลอโนโวได้ขายสินค้าสู่ตลาดแล้ว 1 ล้านเครื่อง

ช่วงทศวรรษ 2010


  •  
    • 2010
      • เลอโนโวได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ LePhone สมาร์ทโฟนเครื่องแรกจากเลอโนโว
      • เลอโนโวได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ThinkPad แล้วกว่า 60ล้านเครื่อง
    • 2011
      • เลอโนโวได้ขยายตลาดธุรกิจจาก Mobile Internet Digital Home (MIDH) เปิดตลาดเข้าสู่ธุรกิจสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ตและสมาร์ททีวี
      • เลอโนโวได้เข้าร่วมธุรกิจกับ NEC เพื่อสร้างบริษัทผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
      • เลอโนโวได้เข้าครอบครองธุรกิจ Medion บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคที่ตั้งอยู่ใน ประเทศเยอรมัน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ได้เติบโตในตลาดฝั่งยุโรป
    • 2012
      • เลอโนโวได้เข้าร่วมธุรกิจกับ EMC เพื่อขยายธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ในประเทศจีนและพัฒนาธุรกิจด้าน Storage Solutions
      • เลอโนโวเข้าดูแลธุรกิจ Stoneware บริษัทผู้ผลิตซอฟแวร์โดยมุ่งพัฒนาระบบแบบ Cloud Computing
      • เลอโนโวได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ThinkPad สู่ตลาดแล้วกว่า 75ล้านเครื่อง
    • 2013
      • เลอโนโวได้ขึ้นสู่การเป็นอันดับ1 บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
      • เลอโนโวเป็นอับดับที่ #329 ในการจัดอันดับ 500 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก
      • เลอโนโวเข้าครอบครองธุรกิจ CCE บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเลคทรอนิคชั้นนำในประเทศบราซิล
      • เลอโนโวได้ขึ้นเป็นอันดับ 3 ในการจัดอันดับบริษัทธุรกิจสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

         

        ----------------------------------------------------

         

         Huawei มาจาก บริษัท ผลิต อุปกรณ์ เน็ตเวิรค เครื่อข่ายสื่อสาร

        OPPO มาจาก บริษัท ผลิต เครื่องใช้ไฟไฟ้า เครื่องเสียง เครื่องเล่น MP3

        Lenovo มาจาก บริษัท ผลิต คอมพิวร์เตอร์ (อันดับ 1 ยอดขาย Notebook ทั่วโลก และปัจจุบันยักษ์ใหญ่ขึ้นหลังจากTakeover Motolola)

         

        Huawei Lenovo ขายทั่วโลก

        Oppo ขายในจีนกับไทย โดยหลอกคนไทยให้เข้าใจว่าแบรนด์เกาหลี oppo oppa ตอนเปิดตัวเอา 2pm มาโฆษณา 

         

        คงจะพอได้ข้อมูลคร่าวๆกันแล้วใช่ไหมครับ ในการตัดสินใจเลือกซื้อมือถือสักเครื่องว่าจะใช้แบรนด์ไหนดี ส่วนตัวผมตัด oppo ทิ้งไป ที่1 ในใจ lenovo แบรนด์เดียวเท่านั้นครับ ถูกใจใครบ้างไม่ถูกใจใครบ้างก็ขออภัยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ แล้วโอกาสหน้าผมจะมา Review ใหม่นะครับ ถ้าถูกใจ กด Like หรือ แชร์ ให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ^^








 

 



วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล บนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์ บลาๆ

รวม 6 วิธี เพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล บนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์


สำหรับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตที่มีพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลในเครื่องน้อย หรือไม่ได้เก็บไฟล์ขนาดใหญ่ไว้บนเครื่อง แต่กลับพบว่าหน่วยความจำนั้นเต็มเร็ว ซึ่งสาเหตุเกิดจาก เมื่อเราใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือเว็บบราวเซอร์ต่างๆ ระบบจะสร้างประวัติการใช้งาน, แคช, ไฟล์ขยะๆต่าง จัดเก็บไว้ในหน่วยความจำ และเครื่องทำงานได้ช้าลง เพื่อเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลบนสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์ ให้สามารถใช้งานได้เต็มที่ มาดูข้อแนะนำสำหรับทำความสะอาดหน่วยความจำเครื่องกัน 
เริ่มต้นกันที่วิธี 1. ลบแอพฯ ออกจากตัวเครื่อง ถ้าหากแอพฯ นั้นไม่ได้ใช้งานแล้ว 
 
2. ย้ายไฟล์ รูปภาพ, วิดีโอ, เพลง ของเราไปยังคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์สำหรับการจัดเก็บอื่นๆ หากสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตมีหน่วยความจำน้อย
 
3. ลบประวัติการดาวน์โหลดต่างๆ จากเว็บไซต์ หรือแอพฯ ก็เป็นทางเลือกในการเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บ ที่ดีเช่นกัน
 
4. ตรวจสอบว่ามีโฟลเดอร์ หรือไฟล์ใดบ้างที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ ผ่านแอพฯ ที่มีชื่อว่า วิเคราะห์อุปกรณ์เก็บข้อมูล (ดาวน์โหลดได้ที่นี่) โดยจะแสดงผลเป็นแบบ infographics ทำให้เข้าใจได้ง่าย และสามารถค้นหา และตรวจสอบได้รวดเร็วว่าไฟล์ใด หรือโฟลเดอร์ใดบ้างที่มีขนาดใหญ่
 
5. ลบ cache ของหน่วยความจำออก ซึ่งเมื่อเราใช้งานแอพฯ ใดบ่อยๆ ก็จะถูกจัดเก็บลงบน หน่วยความจำ ทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล เป็นอย่างมาก
 
6. ลบแอพฯ ที่มาพร้อมกับเครื่องสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตออก ซึ่งในบางรุ่นนั้นมีแอพฯ ถูกติดตั้งมากับตัวเครื่องหลายแอพฯ ดังนั้นหนึ่งในทางเลือกที่ดี หากไม่ได้ใช้งานแอพฯ ที่ถูกติดตั้งมาก็ควรจะลบออก ซึ่งวิธีที่สามารถลบได้คือ ต้อง root ตัวเครื่องก่อน จึงจะสามารถลบแอพฯ ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่องได้
 
อย่างไรก็ดีทั้ง 6 วิธีเป็นเพียงแค่ข้อแนะนำเบื้องต้น ในการเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บ ซึ่งถ้าหากว่าจะลบแอพฯ หรือไฟล์ใดๆ ควรที่จะแบ็คอัพข้อมูลไว้ก่อนเสมอ เพื่อเป็นการป้องกันการความผิดพลาด และการลบโดยไม่ตั้งใจ

Root คืออะไร? Root แล้วได้อะไร? ทำไมต้อง Root?

Root คืออะไร? Root แล้วได้อะไร? ทำไมต้อง Root?
Photo Feb 29, 3 44 17 PM.gif

Root คืออะไร?
Photo Feb 29, 3 44 12 PM.jpeg
    ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่า Android นั้นพัฒนาขึ้นมาจาก Linux เพราะฉะนั้น Kernel หรือแกนกลางที่ตัวระบบคุยกับ Hardware นั้นก็จะใช้รูปแบบเดียวกับ Linux ครับ จริงๆแล้วเราอาจจะเรียกแอนดรอยด์ว่าระบบปฎิบัติการ ( Operating System ) อย่างเต็มปากเต็มคำไม่ได้ด้วยซ้ำ

เนื่องจาก Android นั้นไม่ได้เป็น OS ตรงๆแต่เป็น OS Stack เพราะ Android นั้นไม่ได้ติดต่อกับ Hardware โดยตรงครับ แต่จะใช้ Linux ในการติดไปอีกทีนึง


*** iOS เองจริงๆแล้วก็เป็น OS Stack เช่นกัน โดยมีพื้นฐานของตัว OS มาจาก FreeBSD และใช้ Kernel แบบเดียวกับ Linux ครับ ( FreeBSD เป็นญาติกับ Linux )

ถ้าหากสงสัยเรื่อง OS Stack ให้อ่านที่ลิ้งค์นี้ครับ http://c2.com/cgi/wiki?TheStack

Root ในภาษาของคนใช้ Linux ทั่วไป มันคือ Default Super User นั่นเองครับ หลังจากเราลง Linux หรือญาติของ Linux ตัวอื่นๆอย่าง Ubuntu, FreeBSD และ Fedora มันจะมี User ที่ขื่อว่า Root เป็น Super User ที่สามารถแก้ไขไฟล์และตั้งค่าระบบต่างๆในเครื่องได้ ถ้าจะพูดกันให้เข้าใจแบบบ้านๆกับคนใช้ Windows บ่อยๆ Super User ก็คือ Adminstrator นั่นล่ะครับ
Photo Feb 29, 3 49 19 PM.jpeg
    การ Jailbreak บน iOS ก็คือการทำให้ได้มาซึ่งสิทธิของ Super User เช่นเดียวกับ การ Root บน Android ครับ ทำให้หลังจากที่เราทำการ Jailbreak บน iOS แล้วเราจะสามารถแก้ไขส่วนต่างๆของระบบได้เช่นเดียวกับ Android ที่ทำการ Root พูดง่ายๆก็คือ Jailbreak(iOS) = Root(Android) นั่นเอง แต่ทว่า Android นั้นเค้าไม่ได้ล้อคการติดตั้งแอพฯที่ไม่รู้แหล่งที่มาหรือแอพฯนอก Market ( Unknow Source ) ทำให้ Android สามารถติดตั้งแอพฯที่เป็นไฟล์ .apk ได้เลย ต่างจาก Apple ที่ล้อคการติดตั้งเอาไว้ ทำให้ผู้ที่ต้องการลงแอพฯไฟล์ .ipa นั้นจำเป็นต้อง Root เพื่อแก้ไขระบบก่อน จึงจะสามารถลงแอพฯจากไฟล์ได้

เพราะฉะนั้นผมขอนิยามการ Root บน Android เป็นภาษาไทยว่า "การทำให้ได้มาซึ่งสิทธิ Super User" ละกันครับ


Root แล้วได้อะไร?
Photo Feb 29, 3 44 47 PM.png
    มีหลายๆคนมักจะเข้าใจผิดกันไปต่างๆนาๆว่า
Root แล้วเครื่องจะเร็วขึ้น
Root แล้วเครื่องจะเสถียรขึ้น
Root แล้วเครื่องจะประหยัดแบตขึ้น
    ต้องบอกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ได้มาจากการ Root ครับ แต่มันจะได้มาหลังจากการ Root ต่างหากล่ะครับ บางคนอาจจะคิดง่ายๆว่าอยาก Overclock CPU ก็ Root แล้วลงแอพฯ Overclock ก็จบแล้ว จริงๆมันไม่ใช่ครับ บางเครื่องอาจจะง่ายๆแค่นั้น บางเครื่องก็ถึงกับต้องลง Custom ROM หรือยัด Kernel ที่ Support การ Overclock ลงไป ถึงจะสามารถ Overclock ได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากเราต้องการจะใช้อะไรหลังจากการ Root ให้ไปดูวิธีทำไว้ก่อนว่ามันยากเกินกว่าเราจะทำได้มั้ย หรือมันสามารถทำได้รึเปล่า เพราะเครื่องบางเครื่องมันก็ Overclock ไม่ได้นะครับ

    เรื่องที่ทำให้เครื่องเสถียรขึ้นก็เช่นกัน การที่ทาง Google จำเป็นต้องปิด Super user ไว้ไม่ให้เราใช้กันก็เพราะมันจะมีผลกับความเสถียรของเครื่องที่เราใช้อยู่ นี่ล่ะครับ ถ้าหากเรามี Super user อยู่ในมือเราก็สามารถแก้ไขตัวระบบได้ แน่นอนว่ามันอาจจะทำให้เครื่องเสถียรขึ้นหรือลดความเสถียรลงก็ได้ เพราะฉะนั้นก่อนการ Root ทำใจเรื่องนี้กันไว้ด้วยนะครับ

ทำไมต้อง Root?
Photo Feb 29, 3 46 15 PM.png
    แน่นอนว่าเพื่อทำให้เราสามารถแก้ไขตัวระบบ และเพิ่มความสามารถให้กับตัวระบบของเราได้นั่นเองครับ ลองมาดูตัวอย่างฟังชั่นที่มีประโยชน์ที่เราได้มาหลังจากการ Root กันดีกว่า
- การแชร์ไฟล์แบบ NFS ( Network File Sharing ) ด้วย Samba File Sharing การแชร์ไฟล์ลักษณะนี้จะเหมือนกับการแชร์ไฟล์ระหว่าง Windows กับ Windows ผ่าน Wireless เลยล่ะครับ ซึ่งแอพฯตัวนี้เป็นเหตุผลหลักๆที่ผม Root เครื่องอยู่ทุกครั้งเลยทีเดียว ( ขี้เสียบสายสินะ แฮะๆ)
- การ Fake Legion บน Android Market อันนี้ผมเองก็ใช้บ่อยๆเหมือนกัน เนื่องจากแอพฯใน Market บางตัวนั้นจะล้อคเอาไว้สำหรับประเทศของตัวเองเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นครับ แอพฯเค้าเยอะมาก แต่เราโหลดไม่ได้เพราะเค้าล้อคโซนเอาไว้ ก็ใช้พวก Market Enabler นี่ล่ะครับ Fake Legion ไปโหลดกัน
- Overclock CPU อันนี้เอาสะใจครับ เอาไว้ Overclock วัด Quadrant ให้มันดูเยอะเล่นๆไปงั้นเอง สำหรับคนใช้ Galaxy S2 หรืิอ Galaxy Note ที่ใช้ Stock ROM สามารถโหลด Tegrak Overclock มาใช้ได้เลย
- Droid Firewall เอาไว้บล้อคอินเตอร์เน็ตเป็นรายแอพฯไป อย่างเช่นผมเห็นว่า Whatsapp มันส่งข้อมูลบ่อยกินแบต หรืออยากจะออฟไลน์ Whatsapp ก็ใช้เจ้าตัวนี้ล่ะครับ

    ที่ผมบอกไปด้านบนนี่คือที่ตัวผมเองใช้อยู่บ่อยๆนะครับ แต่จริงๆแล้วมันยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะมาก ทั้งการเปลี่ยน Font, การเปลี่ยน Boot Animation, การเปลี่ยนรูปแบตเตอร์รี่ และเปลี่ยนไปใช้ Custom ROM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถของเครื่อง

    ทั้งนี้การ Root อย่างไรก็ยังมีผลเสียอยู่ เช่น เครื่องพัง, ประกันหมด (เอากลับมาได้ด้วยการ Flash ROM ใหม่) ถ้าคิดจะ Root แล้วเจ้าของเครื่องก็ต้องรับความเสี่ยงกันเอาเองนะครับ

Jailbreak คืออะไร ? หนึ่งในความเข้าใจผิดของผู้ใช้งาน Smartphone ไทย

Jailbreak คืออะไร ? หนึ่งในความเข้าใจผิดของผู้ใช้งาน Smartphone ไทย




  • 3908
     
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก อ.ศุภเดช พิธีกรรายการ แบไต๋ไฮเทค
Jailbreak (เจลเบรค) คำนี้อาจจะคุ้นหูกับผู้ใช้งาน iDevice ของแอปเปิลและถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการสมาร์ทโฟน แต่ยังมีผู้ใช้งาน iDevice ของแอปเปิลอีกจำนวนไม่น้อย ที่ยังเข้าใจเรื่องการ Jailbreak แบบผิด ๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วการ Jailbreak คือการลงแอพฯ เถื่อนอย่างเดียวจริงหรือ ? วันนี้เรามาหาคำตอบและทำความรู้จักเรื่อง Jailbreak กับบทความดี ๆ จาก อ.ศุภเดช พิธีกรรายการ แบไต๋ไฮเทค ที่จะมาบอกเล่าเรื่องการ Jailbreak ให้เราได้รู้กัน มาติดตามกันเลย
Jailbreak ที่คนไทยเข้าใจคืออะไร
ผมอยากจะเขียนตอนนี้มานานแล้ว เพราะว่าปัจจุบัน คนไทยเราเข้าใจคำว่า Jailbreak ที่ใช้กันใน iPhone แบบผิด ๆ กันมาโดยตลอด และวันนี้รู้สึกว่าต่อมหงุดหงิดเริ่มทำงานจนทนไม่ไหว ขอจัดเต็มซักตอน เพื่อที่จะให้หลาย ๆ คนได้หายสงสัยกัน
ผมค่อนข้างมั่นใจว่า หลาย ๆ คนเข้าใจการ Jailbreak ว่า มันคือ การที่ทำยังไงก็ได้แหละ แต่ให้อุปกรณ์ iOS ของเรา เช่น iPod Touch, iPhone, iPad สามารถลง App เถื่อนได้โดยที่ไม่เสียเงิน ซึ่งอยากจะบอกว่า คุณกำลังเข้าใจการ Jailbreak ผิดไปคนละทางเลยนะครับ
ก่อนจะเล่าถึงความจริงว่า Jailbreak คืออะไร ผมขอเล่าย้อนกลับไปถึงสมัยก่อนโน้น ในตอนที่ iPhone ตัวแรกออกก่อนนะครับ
iPhone ตัวแรกของ Apple
ในตอนนั้น Apple ได้ออกแบบ iPhone มาเพื่อให้ผู้ใช้ทั่ว ๆ ไปใช้งาน ภายใต้สิ่งที่ Apple อนุญาตเท่านั้น คุณจะสังเกตได้เลยว่าตั้งแต่ iPhone ตัวแรก… มันขาดความสามารถหลายอย่างมาก เช่น Copy/ Paste ข้อความไม่ได้, ขาดระบบ Multitasking หรืออื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึง iPhone2G ตัวแรกนั้น ขาด Keyboard ภาษาต่างประเทศเยอะมาก และที่สำคัญที่สุดเลย คือมีการล็อคตัว Sim Card เอาไว้เพื่อให้ใช้ได้กับค่าย AT&T เท่านั้น ซึ่งอันนี้ก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะที่อเมริกาขายกันแบบผูกสัญญาห้ามไปใส่ SIM ค่ายอื่นกันอยู่แล้ว 
นั่นหมายถึง Apple ได้มีการขีดเส้นแบ่งเอาไว้ ว่าผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของเครื่องที่เสียเงินซื้อมา มีสิทธิ์ใช้ได้เพียงไม่เกินเส้นที่ Apple กำหนดเอาไว้ นั่นก็คือ icon ทั้งหมดที่อยู่บนหน้าจอเท่านั้น
Jay Freeman
ซึ่งในช่วงประมาณปี 2008 ก็ได้มี Developer คนหนึ่งใช้ชื่อในวงการ Hacker ว่า Jay Freeman ที่มีชื่อเรียกในวงการว่า Saurik เค้าก็ได้เริ่มเจาะระบบของตัว iOS 1.1 แล้วทำการฝัง สิ่งที่น่าจะเรียกว่า ตัวติดตั้งโปรแกรมผ่านทาง icon หรือ ที่เราเรียกกันว่า AppStore กันในตอนนี้ ซึ่งตอนนั้นมันมีชื่อเรียกว่า Installer.app ซึ่งการมาของตัว Installer สามารถทำให้เราสามารถทำอะไรนอกเหนือเส้นที่ Apple ขีดเอาไว้ได้ เช่น สามารถติดตั้ง Keyboard ภาษาอื่น ๆ รวมไปถึงตอนนั้นก็มี Keyboard ภาษาไทยออกมาด้วย จุดประสงค์สำคัญของ Installer ก็คือ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งตัว iPhone ของแต่ละคนได้ตามใจ รวมไปถึงย้ายไปใส่ SIM ของค่ายอื่นได้อีกด้วย ที่ตอนนั้น iPhone รุ่นแรกขายในบ้านเราได้ ก็เพราะทุกเครื่องมัน Jailbreak กันหมดนี่แหละ
โฉมหน้าของ Installer.app
Installer.app เป็นจุดกำเนิดของอีกหลาย ๆ ไอเดีย ซึ่งผมขอสารภาพตามตรงนะ ผมไม่รู้ว่า ไอเดียเรื่อง AppStore ของ Apple เป็นไอเดียที่คิดมาก่อนหน้า หรือเป็นไอเดียที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Installer.app แต่เอาเป็นว่า ตอนนั้นก็มี Hacker หลาย ๆ คนที่เริ่มสนใจการเจาะระบบ iPhone และพยายามฝังตัว “ติดตั้งโปรแกรม” ของตัวเองเข้าไป ซึ่งในตอนที่ iOS 2 ออก… ทาง Jay Freeman ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Cydia และเข้าซื้อตัวโปรแกรม Rock Your Phone ซึ่งเป็นระบบ Installer อีกตัวนึง ทำให้ Cydia กลายเป็น ระบบ Third-Party App ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด (ช่วงปี 2009 มีผู้ใช้งาน Cydia ถึง 4 ล้านคน) ส่วนตอนนี้น่าจะมีเกิน 50 ล้านคน


icon ของโปรแกรม Cydia ที่น่าจะคุ้นตากันดี
หน้าที่ของ Cydia คือ เป็นตัวจัดการ การลง App ที่อยู่นอกเหนือความสามารถที่ทาง Apple จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานทำได้ ซึ่งถ้าคุณได้เข้าไปเล่น App ใน Cydia คุณจะเจอ App บ้า ๆ เยอะมาก รวมไปถึง App ที่เราอยากจะได้มาก แต่ไม่มีใน AppStore เช่น
- iBlacklist : โปรแกรม Block ไม่ให้เบอร์บางเบอร์โทรหาเรา
- QuickDo : Shortcut เรียกโปรแกรมอื่น ๆ จากหน้า LockScreen
- Barrel : โปรแกรมแก้ไข Effect ในการเลื่อนหน้าจอ
- Facebreak : โปรแกรมที่ทำให้เราทำ Facetime ผ่านระบบ 3G ได้
- My3G : โปรแกรมที่เอาไว้หลอก App ในเครื่องว่า Connection ในเครื่องเป็น Wifi ไม่ใช่ 3G
- Airblue : โปรแกรมส่งไฟล์ทาง Bluetooth
- Winterboard : โปรแกรมแก้ Theme ของตัว iOS
- BytaFont : โปรแกรมเปลี่ยน Font ในการแสดงผลของหน้าจอ
- ThaiKeyboard : โปรแกรมคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถว ที่ตรงตาม Keyboard ที่คนไทยเราใช้กัน
Cydia ให้โหลด App เหล่านี้ ฟรี และถ้าเกิด Developer คนเขียนอยากจะขายก็สามารถทำได้ด้วย ซึ่งจะมีระบบ Username ที่ผูกกับ Facebook และ Google Account เพื่อบันทึกว่า User แต่ละคนซื้อ App อะไรไป ตรงนี้จะเหมือนกับ AppStore เกือบจะทุกประการเลยครับ
นั่นหมายถึง Cydia คือ AppStore ที่ขาย App ที่อยู่นอกเหนือความสามารถที่ Apple จะทำได้โดย Developer เหมือนกัน และอยากจะบอกว่าราคาแพงกว่าใน AppStore ซะอีกนะครับ สำหรับ App บางตัว ส่วนใหญ่ขายกัน 2.99$ ไปจนถึง 4.99$ เป็นหลัก ไม่เหมือน AppStore ที่ขายกันที่ 0.99$ มากกว่า
ส่วน Jailbreak คืออะไร??
มันคือขั้นตอนการแฮกตัว iOS เพื่อให้สามารถยัดตัวโปรแกรม Cydia เข้าไปได้ รวมไปถึงการได้มาซึ่ง root user เพื่อชิงเอาสิทธิ์ในการรัน App ต่าง ๆ ในเครื่องเรานั่นเองครับ นั่้นคือการ Jailbreak… ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับการลง App ฟรี ๆ จาก AppStore ได้โดยที่ไม่เสียเงินทั้งสิ้น
แล้วการลง App เถื่อน ๆ เหล่านี้มาได้ยังไง
เนื่องจาก Cydia เป็นระบบบริหารเรื่องการโหลดและขาย App แบบอิสระใช่ไหมครับ ซึ่งด้วยความที่มันเป็นระบบเปิด เค้าก็เลยอนุญาตให้เราติดตั้งตัว Souce หรือแหล่งในการโหลด App จากที่อื่นด้วย ซึ่งถ้าคุณลงแค่ Cydia แล้วไม่ติดตั้ง Source เพิ่มเลย รับรองได้ คุณจะมีแต่ App ของ Cydia ที่ขายและไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย แต่มันก็มีพวก Hacker ที่จ้องจะเอา App ที่โหลดจาก AppStore มาถอด DRM ออก แล้วเอาไปตั้งเป็น Market อีกแบบเพื่อขาย ผ่าน App ตัวอื่น เช่น Installous… เจ้านี่แหละ เป็น AppStore ที่สามารถโหลด App เถื่อนได้ครับ ซึ่งการที่คุณจะติดตั้่ง Installous ได้ คุณจะต้อง “จงใจ” ที่จะเพิ่ม Source เถื่อนลงไปในเครื่องนะ
ตอนนี้ผู้ใช้งานในประเทศไทย มีความเข้าใจเรื่องนี้หลายแบบด้วยกัน ผมขอแบ่งเป็นแต่ละกลุ่มดังนี้ครับ
- คนที่ไม่ Jailbreak เพราะกลัวเครื่องพัง แต่ไม่เข้าใจเรื่องระบบ การซื้อ App ของ Apple AppStore เลยไปลง App ตามตู้ขายมือถือ
กลุ่มคนเหล่านี้ มีเงินนะครับ เพราะการลง App ตามตู้มือถือมันราคาไม่ถูกนะครับ ครั้งนึง 300 – 500 บาท แค่ทำไม่เป็นและกลัวความยุ่งยากเท่านั้น หากคุณคิดว่า อยากจะทำอะไร ๆ ให้มันถูกต้อง ไปอ่านบทความ เรื่องการสร้าง Apple ID เป็นของตัวเอง นะครับ คุณจะได้ประหยัดเงินด้วยการโหลด App แท้ ๆ เป็นของตัวคุณเอง
- คนที่ Jailbreak เพราะคิดแค่ว่าว่าลง App เถื่อนได้ ไม่อยากเสียเงิน
คนกลุ่มนี้ ไม่เกี่ยวกับมีเงิน หรือไม่มีเงิน แค่ชอบเอาชนะระบบเท่านั้น เพราะถ้า Jailbreak เองและไปเพิ่ม Source เถื่อนเองได้ การจะสร้าง Apple ID เพื่อซื้อ App ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย ดังนั้น คนกลุ่มนี้ ถึงเราจะไปอธิบายเรื่องลิขสิทธิ์ให้พวกนี้ฟังก็เปล่าประโยชน์ เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ ครับ
 - คนชอบ Jailbreak เพราะอยากได้ Keyboard ไทยสี่แถว .. อยากปรับแต่งเครื่อง ซื้อ App แท้บ้าง โหลดเถื่อนบ้างปน ๆ กันไป
กลุ่มนี้ ก็เป็นกลุ่มที่ Jailbreak ด้วยความต้องการหลักคือ อยากได้ Keyboard ไทยสี่แถว เพราะ Keyboard ภาษาไทยที่ Apple ให้มา ใช้แล้วมันเวียนหัวชวนเมาเรือเหลือเกิน พิมพ์ ๆ ลบ ๆ ผิด ๆ ถูก ๆ แต่ถ้าเกิดคุณสามารถจ่ายเงินซื้อ Keyboard ไทยได้ พวกคุณก็มีปัญญาซื้อ App แท้ทุกคนอย่างแน่นอน คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มกลาง ๆ ที่เข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์และอยากสนับสนุนนักพัฒนาระดับนึง บางทีเจอ App ที่อยากได้ก็ไปลองโหลดเถื่อนมาก่อน ถ้าถูกใจก็จะซื้อของแท้ หรือ เถื่อนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีอารมณ์ซื้อของแท้
 - คนกลุ่มที่ Jailbreak เพราะอยากศึกษาแต่สนับสนุนนักพัฒนาด้วย
คนกลุ่มนี้ ซื้อ App แท้ทุกตัว ทั้งใน AppStore และใน Cydia… เป็นกลุ่มที่มีคนน้อยที่สุด แต่กลับเป็นกลุ่มที่จ่ายเงินให้นักพัฒนาผ่านระบบ AppStore เยอะสุดเหมือนกัน
- กลุ่มที่เข้าใจดี เรื่อง Cydia และ AppStore แต่เลือกที่จะไม่ Jailbreak แต่ใช้วิถีชีวิตไปตามที่ Apple กำหนด
กลุ่มนี้ ผมเจอหลายคน ถ้าให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายสุด ก็คือ กลุ่มคนที่ชื่นชอบในตัว Steve Jobs และ Product ของ Apple… เรียกแบบไม่สุภาพหน่อยก็คือ กลุ่มสาวก น่ะแหละครับ กลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่จ่ายเงินให้นักพัฒนาอย่างเยอะมากเหมือนกัน แต่ก็จ่ายผ่านตัว AppStore อย่างเดียว เพราะไม่จำเป็นต้องไปจ่ายให้ทาง Cydia เลย เพราะไม่ได้ใช้ครับ
สรุปคร่าว ๆ
- Jailbreak ไม่ใช่การลง App เถื่อน .. เป็นการเจาะระบบเพื่อติดตั้งระบบ Third-Party AppStore เท่านั้น
- Cydia ก็ไม่ใช่การลง App เถื่อน เป็นแค่ช่องทางในการโหลด App ที่นอกเหนือจากที่ Apple ให้ลงได้เท่านั้น
- คนที่มี Cydia ไม่ได้แปลว่า ละเมิดลิขสิทธ์ พอ ๆ กับ คนที่ไม่ได้ Jailbreak ก็ไม่ได้แปลว่าจะถูกต้อง (ลง App ตามตู้)
- บทความนี้ไม่ได้ฟังธงว่าใครถูกหรือผิด .. แค่เล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้ฟังเท่านั้น
- ถูกใจ ก็ฝากแชร์ต่อไปด้วยละกันครับ เขียนมาเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดกันเท่านั้น
ปล. การใช้ Source เถื่อนเพื่อลง App เถื่อน มีความเสียงที่จะถูกขโมยข้อมูลผ่าน App เหล่านั้นนะครับ เพราะ Hacker ไม่เคยทำอะไรให้ใครฟรี ๆ อยู่แล้ว
 

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

จัดการข้อมูลใน iPhone แบบไม่ง้อ iTunes ด้วย iTools

จัดการข้อมูลใน iPhone แบบไม่ง้อ iTunes ด้วย iTools


หลังจากที่มีการอัพเกรด iPhone และ iPad เข้าสู่ iOS7 ทางฝั่ง iTunes ก็ต้องอัพเกรดเป็น 11.1 ตามไปติดๆ สาเหตุก็เพราะจำเป็นต้องอัพเกรดเพื่อใช้งานร่วมกันได้ ถ้าไม่อัพเกรดเราก็จะไม่สามารถต่อมือถือเข้าไปกับคอมพิวเตอร์ได้เลย หลายๆ คนบ่นกันว่าระบบการจัดการแอพฯ พลิเคชั่น เพลง วิดีโอ บน iTunes นั้นเริ่มมีปัญหามากยิ่งขึ้น ทั้งของที่เสียเงินโหลดจากระบบของ App Store กับของที่เราหาดาวน์โหลดเองข้างนอกในเครื่องคอมพิวเตอร์ปนกันอยู่ จนหลายๆ ครั้งสับสนจนเริ่มไม่ถูกว่าจะใช้เนื้อหามัลติมีเดียของอะไรดี
นอกจากนั้นถ้าใครที่ต้องใช้งานคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง มีอุปกรณ์ของ Apple หลายชิ้น อาจจะพบกับปัญหาเรื่องของแอพฯ เพลง มี่มีอยู่ปนกันมั่วไปหมด บางครั้งแอพพลิเคชั่นในเครื่องก็ก็หายไปจากการเชื่อมต่อ iTunes บนคอมพิวเตอร์ เนื่องจากความไม่เข้ากันของ iTunes กับมือถือ สาเหตุมากข้อจำกัดทางด้านการใช้งาน App Store กับ iTunes แต่ละเครื่องที่มีข้อห้ามการใช้งานคอนเทนต์หลายๆ เครื่องปนกัน คือถ้าเราเอา iPhone ไปใช้กับเครื่องคอมเครื่องหนึ่งแล้ว เราจะไม่สามารถเอาไปใช้กับอีกเครื่องได้ ยกเว้นว่าจะสั่งให้ลบข้อมูลเก่าเพื่อใส่อันใหม่ ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการลบไฟล์บางไฟล์เพื่อให้ iTunes มองเห็นเป็นเครื่องใหม่ได้ แต่โอกาสที่เพลง วิดีโอ และแอพฯ ตีกันมีสูงมาก
iTools เป็นฮีโร่ที่จะช่วยให้เราไปเอาเพลงจากที่ไหนก็ได้ เครื่องไหนก็ได้ รวมไปถึงเพลงที่เราดาวน์โหลดอย่างถูกต้องจากแหล่งอื่น เช่น ซื้อทางมือถือ ทาง SMS ทางระบบแอพฯ อื่นๆ ถ้าไม่ได้มีกฎระเบียบว่าสามารถโอนย้ายไปยังมือถือของตัวเองได้ ก็สามารถที่จะโอนย้ายข้อมูลผ่านทาง iTools นี้ได้ด้วย
หน้าตาเว็บสำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรี
iTool 750 เปิดโปรแกรมมาจะเป็นหน้าตาสำหรับการเชื่อมต่อ
iTool 30 โปรแกรม iTools เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้ง Windows และ Mac โดยจะต้องทำการเมื่อมีการเชื่อมต่อมือถือผ่านทางสาย USB เท่านั้น ไม่สามารถทำงานผ่าน Wi-Fi หรือเปิดใช้แบบไม่มีมือถือมาเชื่อมต่อได้เลย เราหาดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาใช้งานได้ที่เว็บ http://www.itools.cn/multi_lang_pc_download.htm โดยเลือกระบบปฏิบัติการเป็น Windows และเลือกภาอังกฤษ จากนั้นก็ทำการเปิดใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมลงบนเครื่อง คอมพิวเตอร์
ตัวโปรแกรมเองนั้นได้รองรับการใช้งาน iOS7 เป็นที่เรียบร้อย (ถ้าท่านไหนโหลดตัวเก่าไป ระบบจะมีแจ้งเตือนให้อัพเดทเพื่อใช้งานร่วมกับ iOS7 ได้) สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ทั้ง iPhone, iPad และ iPod Touch ของ Apple ที่สำคัญคือใช้งานได้ฟรี
เทียบความสามารถของ iTools กับ iTunes
โปรแกรม iTools เป็นโปรแกรมที่สร้างโดยทีมพัฒนาชาวจีน ออกแบบมาให้ใช้งานในการถ่ายโอนข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีลูกเล่นไม่มากเท่ากับ iTunes ตัวหลักๆ ของ Apple แต่ก็มีอีกหลายลูกเล่นที่น่าสนใจเทียบได้ดังนี้
1420514_661276890570853_1978013229_n นี่คือความสามารถคร่าวๆ ของ iTools เมื่อเทียบกับการทำงานของ iTunes จะเห็นได้ว่าเราสามารถใช้งานได้ใกล้เคียง iTunes แต่ได้ลูกเล่นมากกว่าทั้งการสำรองไฟล์ การลบ การเพิ่ม ทำได้อย่างอิสระ ไม่เหมือนกับการใช้งาน iTunes ที่ได้แต่เพิ่มเข้าไป ไม่สามารถแก้ไขในส่วนของรายละเอียดได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวอร์ชั่นของแต่ละโปรแกรมด้วย ซึ่งมีรายละเอียดเล็กน้อยต่างกันออกไป
ดูรายละเอียดของอุปกรณ์ในคลิ๊กเดียว
นอกจากลูกเล่นต่างๆ ที่มีอยู่มากมายแล้ว เมื่อเราเสียบมือถือเข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ iTools จะแสดงการเชื่อมต่อ พร้อมกับการแสดงรายละเอียดของมือถือเราว่าเป็นรุ่นไหน ล็อตไหน รหัสอะไร สำหรับขายประเทศไหนอย่างละเอียด พร้อมรูปภาพ แต่สิ่งที่พิเศษกว่านั้นคือการแสดงวันที่มีประกันของมือถือเครื่องนั้นๆ ให้ด้วยทันที ไม่ต้องไปกดเข้าเว็บ ไม่ต้องหรอกหมายเลขเครื่องให้เสียเวลา แต่ถ้าต้องการรายละเอียดมากกว่านั้นให้กดที่ปุ่ม View Details ด้านล่าง จะมีหน้าจอเด้งขึ้นมาบอกว่าเครื่องเรานี้มีรายละเอียดทางด้านเทคนิคอะไรบ้าง เช่น เวอร์ชั่น ซิม รหัสการพัฒนา เวอร์ชั่น เครือข่าย ฯลฯ เยอะแยะมากมายไปหมดแล้วแต่เราต้องการดูข้อมูลว่าสนใจในส่วนไหน
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะเป็นเรื่องของการเก็บข้อมูลของเราว่ามีการใช้ข้อมูลในมือถือในการติดตั้ง อะไรลงไปบ้างแล้ว เหลือเนื้อที่เท่าไหร่ เมื่อกดไปที่ไอคอนรูปแอปเปิ้ลก็จะเห็นว่าเรามีการใช้พื้นที่ iCloud (ที่ปกติมีให้ 5 GB) ไปแล้วหรือไม่ เหลือเนื้อที่อีกเท่าไหร่ (ส่วนใหญ่เอาไว้สำรองข้อมูลเบอร์โทร ข้อความ และเซพเกมเป็นหลัก)
หน้าจอหลังจากที่เสียบสายต่อไอโฟนเข้าไปที่คอมพิวเตอร์
iTool 25 กดดูรายละเอียดของเครื่องได้
iTool 003
เลื่อนลงมาเพื่อเปิดดูรายละเอียดการเชื่อมต่อ
iTool 320
กดดูเนื้อที่ของ iCloud ได้ด้วย
iTool 57 วิธีการติดตั้งแอพฯ ลงบนมือถือ
การติดตั้งแอพฯ บนมือถือนั้นทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ต่อสายแล้วหาไฟล์สำหรับติดตั้งบน iOS มาแล้วเลือกเพื่อที่จะติดตั้งลงไปได้เลย ซึ่งไฟล์จะอยู่ในรูปแบบของ *.ipa เป็นไฟล์ติดตั้งแอพฯ เราสามารถหาไฟล์นี้ได้จากหลายๆ แหล่ง เช่น ค้นเอาในแฟ้มของ iTunes Music, สำรองข้อมูลโดยใช้ iTunes เลือก Backup และการดาวน์โหลดไฟล์เกมต่างๆ มาจากอินเตอร์เน็ตซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีการปลดล็อคไฟล์มาให้แล้วแต่ต้องใช้ งานคู่กับเครื่องที่เจลเบรกแล้วเท่านั้น
เมื่อกดเข้าไปในส่วนของ Applications นั้นจะมีอยู่ 3 แท็บ คือแอพฯ ที่เรามีอยู่ในตอนนี้ แอพฯ ที่มีการอัพเดท (สามารถกดอัพเดทได้จากคอมพิวเตอร์ แต่ต้องใช้ Apple ID ของแอพฯ นั้นๆ) และสุดท้ายคือ ShareDocs หรือการเข้าไปดูเอกสารของแต่ละแอพฯ ได้ บางแอพฯ มีการบันทึกค่าเอาไว้ บางแอพฯ บันทึกเอกสารออฟฟิต รูปภาพ ฯลฯ ก็ดึงเอามาใช้งานได้อย่างง่ายดาย
ในหน้าจอหลักจะมีรายการแอพฯ ต่างๆ ที่มีในเครื่องของเราโชว์ขึ้นมา ถ้าต้องการสำรองเก็บเอาไว้ ทำได้ง่ายๆ แค่กดปุ่ม Backup ด้านหลังรายชื่อแอพฯ นั้นๆ หรือเลือกชื่อแอพฯ หลายๆ อันพร้อมกันแล้วกดที่เมนูเลือก Backup ไฟล์ที่สำรองเอาไว้จะเก็บไว้ในแฟ้มที่เราเลือกเอาไว้ เมื่อต้องการเอาไฟล์ที่สำรองเอาไว้มาใช้ก็แค่กดเลือก Install แล้วเลือกไฟล์แอพฯ ที่เราทำการสำรองเอาไว้เพื่อติดตั้งให้เองโดยอัตโนมัติ
หน้าตารายการแอพฯ ที่มีอยู่ในเครื่องเราทั้งหมด
iTool 56
แอพฯ ที่มีการอัพเดทในระบบตอนนี้
iTool 06
ShareDocs ที่มีการบันทึกข้อมูลของแต่ละแอพฯ
iTool 621
กดเพื่อสำรองแอพฯ เก็บเอาไว้ในคอมพิวเตอร์
iTool 838
เลือกแฟ้มที่ต้องการสำรองข้อมูล
iTool 02
ระบบกำลังสำรองข้อมูลแอพฯ นั้นๆ
iTool 21 การติดตั้งไฟล์ที่สำรองจากเครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่งนั้นจำเป็นที่ต้องมีรหัสผ่าน Apple ID ของคนที่เราเอาไฟล์มาใช้ เพราะแต่ละไฟล์จะมีอีเมล์ที่เป็นไอดีติดอยู่ทุกครั้ง เมื่อมีการเปิดใช้ครั้งแรกก็จะเรียกหารหัสผ่าน แต่จะไม่ถามอีกในครั้งต่อไป วิธีนี้ช่วยให้เรายืมเอาเกม หรือแอพฯ จากเครื่องของเพื่อนมาใช้งานได้ด้วย
เลือกแอพฯ ที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์เพื่อติดตั้ง
iTool 51 ระบบกำลังติดตั้งแอพฯ ลงบนมือถือให้
iTool 003 กดเพื่อลบแอพฯ ออกจากมือถือก็ทำได้ โดยจะต้องยืนยันอีกครั้ง
iTool 43 ถ้าเลือกลบหลายๆ ไฟล์จะต้องตามคิวเท่านั้น
iTool 14 วิธีการติดตั้งเพลงลงบนมือถือ
การติดตั้งเพลงหรือการตัดการลบออกนั้นไม่มีอะไรซับซ้อนมาก แค่เพียงลากไฟล์เพลง MP3 ที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์ ลากลงไปยังหน้าจอ iTools เท่านั้น เพลงก็จะวิ่งเข้าไปอยู่ในมือถือของเราทันที แต่ถ้าต้องการทำให้เป็นระเบียบขึ้นไปอีกก็แค่สร้างรายการเพลง (Playlist) เพื่อลากเพลงใหม่ที่เราต้องการไปเก็บไว้ในรายการเพลงนั้นๆ
ส่วนวิธีการลบเพลงนั้นง่ายยิ่งกว่า เพียงแค่เลือกที่เพลงนั้นๆ แล้วเลือกลบ (Delete) เพลงออกไปจากระบบได้เลย ซึ่งตามปกติแล้วการลบเพลงใน iTunes และการลบเองจากบนมือถือนั้นทำไม่ได้ จะต้องเลือกไม่เอาเพลงนั้นๆ แล้วค่อยกดปรับปรุง (Sync) ซึ่งจะวุ่นวายมาก เพราะกว่าจะเลือกเพลงเสร็จ กว่าจะเลือกลบ ไม่เหมือนกับการลบทันทีใน iTools
หน้าจอแสดงเพลงที่มีอยู่ในเครื่องทั้งหมด
iTool 26
กดเพื่อตั้งเพลงเป็นเสียงเรียกเข้าได้ง่ายๆ
iTool 158
กดเพื่อเพิ่มเพลงจากบนคอมพิวเตอร์เข้าไปยังมือถือ
iTool 341 วิธีการคัดลอก ลบ และสร้างอัลบั้มรูป
สำหรับการจัดการเรื่องของรูปภาพนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นของ iTools เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะช่วยให้เราจัดการ ลบ ดูรูปได้ตามปกติแล้ว เรายังสามารถเพิ่มรูปเข้าไปในอัลบั้ม จัดการอัลบั้ม สร้างอัลบั้มใหม่ได้ด้วย รวมไปถึงการเข้าถึงอัลบั้มที่สร้างขึ้นโดยแอพฯ บนมือถือซึ่งไม่ขึ้นโชว์ในรายการรูปภาพปกติในเครื่องได้ด้วย
เปิดเข้ามาจะเจออัลบั้มรูปจากกล้องของไอโฟนเรา
iTool 32
เลือกแต่ละรูปขึ้นมาสามารถใช้ลบ เปิดดู แชร์ ได้
iTool 55
กดดูมุมมองที่แตกต่างกันออกไป
iTool 901
กดที่อัลบั้มเพื่อเลือก Export (สำรองรูปภาพมายังคอมพิวเตอร์)
iTool 804
เลือกแฟ้มที่ต้องการบันทึกรูปภาพ
iTool 17
ระบบกำลังสำรองรูปภาพให้เรา
iTool 825 เมื่อกดเข้าไปในส่วนนี้จะพบกับรูปภาพที่เรากดดูได้ 3 รูปแบบ คือ ตัวอย่างรูปภาพ รายการรูปภาพ และตารางรูปภาพ เราสามารถกดที่รูปภาพเพื่อดูภาพเต็มๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เลยทันที พร้อมกับการกดเพื่อดูเป็นสไลด์โชว์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย ถ้าอยากจะแชร์รูปภาพไปยัง Social Network ก็แค่กดที่ไอคอน Facebook และ Twitter ได้ทันที
เข้าส่วนของ Photos เพื่อจัดการอัลบั้ม
iTool 42 กด Create เพื่อสร้างอัลบั้มใหม่ขึ้นมา
iTool 50 เลือกเอารูปที่ต้องการจากคอมพิวเตอร์เข้าไป
iTool 23 กด Ctrl ค้างเพื่อเลือกหลายๆ รูปพร้อมกัน
iTool 11 รูปได้เข้าไปอยู่ในมือถือเรียบร้อยแล้ว
iTool 29 กดดูรูปจากมือถือบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ทันที
iTool 38 การสร้างอัลบั้มรูปจะต้องเข้าไปในส่วนของ Photos จากนั้นเราจะเห็นว่ามีอัลบั้มหลักคือ CameraRoll ให้เลือก Create Album พร้อมกับตั้งชื่อเพื่อสร้างอัลบั้มเข้าไปใหม่ จากนั้นก็ใช้วิธีกดย้ายอัลบั้มจากกล้องถ่ายรูปไปเก็บไว้ในอัลบั้มอื่นๆ หรือกดเข้าไปในอัลบั้มใหม่ที่เราสร้างเพื่ออัพโหลดรูปภาพจากในคอมพิวเตอร์ไป ยังมือถือได้เลยทันที
การลบเราสามารถลบได้ทีละรูปภาพโดยการกดลบที่รูปภาพนั้นๆ หรือการเลือกให้เป็นเครื่องหมายถูกแล้วกดลบทีเดียวเลยก็ได้ ส่วนการลบทั้งอัลบั้มจะต้องออกไปหน้ารายการอัลบั้มรูป เลือกลบแล้วให้ลบข้างในอัลบั้มด้วย แค่นี้รูปภาพก็จะหายไปพร้อมกับได้พื้นที่ในเครื่องคืนมา
วิธีการจัดการข้อความ เบอร์โทร ฯลฯ ในมือถือ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของโปรแกรมนี้ก็คือความสามารถในการเข้าไปถึง เบอร์โทร ตารางนัดหมาย บันทึกข้อความ และข้อความ SMS ที่มีอยู่ในเครื่องได้ ปกติแล้วเราสามารถสำรองข้อมูลเอาไว้ใน iCloud ได้ แต่ยังไม่มีวิธีอะไรที่จะดึงออกมาได้ถ้าเครื่องหาย หรือเปิดเครื่องไม่ได้ ต่างกับ iTools ตรงที่เราเปิดขึ้นอ่านได้ทุกอย่าง แก้ไข ลบ เปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมด บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา วิธีการใช้งานคร่าวๆ คือเราจะต้องปิดการเชื่อมต่อกับ iCloud ก่อน เพราะข้อมูลมีการเข้ารหัสเอาไว้ จากนั้นก็กดเรียกข้อมูลใหม่ (Refresh) เพื่อดึงข้อมูลมา
การเข้าไปจัดการข้อมูลในมือถือจะต้องปิด iCloud ก่อน
iTool 31 เมื่อปิดแล้วจะพบว่ามีข้อมูลเข้ามาทั้งหมดจากมือถือ พร้อมรูป
iTool 06A กดเพื่อแก้ไขเบอร์โทรนั้นๆ ได้
iTool 09 สามารถดู SMS และข้อมูลอื่นๆ ได้ด้วย
iTool 37A การสำรองข้อมูลเก็บเอาไว้บนคอมพิวเตอร์ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กดเลือกรายชื่อ หรือข้อความแล้วกด Export ไปยังรูปแบบที่เราต้องการ ส่วนใหญ่แล้วเราจะเอามาเปิดอ่านได้บน Excel แต่การสำรองข้อมูลจะต้องทดสองเปิดก่อนะครับ เนื่องจากการใช้ชื่อ หรือข้อความภาษาไทยอาจจะทำให้ตัวหนังสือมาได้ไม่เต็ม 100% ถ้าไม่สามารถกดเปิดภาษาไทยได้ตามปกติ ลองเลือกบันทึกข้อมูลเป็นไฟล์แบบอื่นๆ แทน
การแก้ไขนั้นเราทำได้โดยการกดดับเบิลคลิ๊กที่รายการนั้นๆ จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เราแก้ไขแล้วบันทึกกลับไปยังมือถือ ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อ ข้อความ ต่างๆ ก็ทำได้ง่ายมาก
Tip: การใช้งานในส่วนนี้เราจะต้องเปลี่ยนการสำรองข้อมูลจาก iCloud ให้เป็นคอมพิวเตอร์เสียก่อน เพื่อที่จะได้อ่านข้อมูล แล้วทำการจัดการสำรอง เพิ่ม แก้ไข ได้ เพราะการสำรองบน iCloud จะมีการใส่รหัสข้อความทั้งหมดเอาไว้ จึงไม่สามารถแม้จะที่จะเรียกมาดูได้
การใช้งาน Air Play โดยผ่าน iTools จากมือถือไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์                                                                                                                                                          อีกหนึ่งลูกเล่นที่น่า สนใจของ iTools คือมีการทำแอพฯ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของเราเป็น AirPlay Server ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ดาวน์โหลดโปรแกรมชื่อว่า AirPlayer จากเว็บ http://www.itools.cn/index.php?a=airplayer มาติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ จากนั้นให้คอมพิวเตอร์ และมือถือของเราใช้งาน Wi-Fi ในที่เดียวกัน ระบบจะมองเห็นกันทันที เมื่อเราเปิดเพลง วิดีโอ หรือว่าเปิดเกม ให้เลือก AirPlay ก็จะเอาเกมนั้นๆ ขึ้นไปยังบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้สดๆ
หน้าตาโปรแกรม AirPlayer ซึ่งเป็นภาษาจีน
iTool 39 ตั้งค่าหน้าจอแล้วเปิดการใช้งานได้เลย
iTool 53
ดึงเอาหน้าจอสดๆ มายังคอมพิวเตอร์ โดยการใช้ Mirror (กระจก)
iTool 949
ดึงเอาเฟสบุ๊คมาเล่นบนคอมพิวเตอร์
iTool 2013-10-19_095017
Instagram ก็ดึงมาโชว์เพื่อนได้เลย
iTool 16
การเปิดเพลงผ่าน AirPlay จะมาแค่เสียงเท่านั้น
iTool 2013-10-19_095256 เราอาจจะลองใช้เพื่อการนำเสนองาน การเอาหน้าจอไปบันทึกเป็นวิดีโอ การเปิดเอกสาร การโชว์แอพฯ ต่างๆ ไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดายด้วย ส่วนเรื่องของความเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของคอมพิวเตอร์ และ Wi-Fi จุดที่เราใช้งานด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นการใช้งาน iTools บนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการกับ iPhone และ iPad ของเรา เรียกได้ว่าครบเครื่องกว่า iTunes มาก จนบางครั้งเราไม่อยากจะใช้งาน iTunes อีกเลย นอกจากจะมีข้อจำกัดเยอะมากแล้ว การใช้งานเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องซื้อแอพฯ ซื้อคอนเทนต์จาก App Store เท่านั้น บางครั้งเราอยากเอาเพลงที่เราโหลดมาจากมือถือ แปลงจากแผ่นที่ซื้อมา ก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างอิสระได้เท่ากับ iTools นี่คืออีกหนึ่งทางเลือกในการใช้งาน iPhone เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานแอพฯ ลิขสิทธิ์ เพลงลิขสิทธิ์แท้ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ต่อไปได้